MG เปิดเกมรุกตลาดอีวีอีกครั้งด้วย MG4 Electric Xpower ที่มากับระบบขับเคลื่อน AWD และกำลัง 435 แรงม้า แต่ราคา 1,119,900 บาท

     MG โดย บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเกมรุกตลาดรถยนต์อีวีอีกครั้ง เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของ MG4 Electric รถแฮทช์แบคไฟฟ้าที่ประสบความสำเร็จ ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ใช้รถอีวีทั่วโลก การันตีด้วยรางวัลโมเดลยอดเยี่ยมแห่งปีทั้งใน และต่างประเทศ จนสร้างยอดขายรวมแล้วกว่า 140,000 คัน (ตลาดยุโรป, ออสเตรเลีย)

     ส่วนในไทยก็ทำยอดขายมากกว่า 7,000 คัน และเพื่อสร้างสีสัน และนำเสนอความเหนือชั้น MG จึงได้เลือกที่จะเปิดตัว Xpower ที่มากับสมรรถนะที่เหนือชั้นกว่าเดิมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD (All Wheel Drive) พร้อมกำลังสูงสุด 435 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร พร้อมสเปกจัดเต็ม และรวมถึงระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มมาตรฐาน EURO NCAP 5 ดาว โดยได้ประกาศราคาไปแล้วอย่างเป็นทางการภายในงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 อยู่ที่ราคา 1,119,900 บาท

     MG4 Xpower นั้นเป็นรถอีวีสายพันธุ์แท้ที่มีความโดดเด่นในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การเป็นยนตรกรรมที่พัฒนาบน Nebula Pure Electric Platform ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ทำให้สามารถนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้หลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ทั้งรถแฮทช์แบ็ค, ซีดาน ไปจนถึงรถกระบะ รวมถึงสามารถรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุ ส่วนการออกแบบภายนอกนั้นจะมากับความสปอร์ตรอบคันด้วย Iconic Design กับมิติตัวถังที่มีความยาว 4,287 มม., กว้าง 1,876 มม. และสูง 1,516 มม.

     MG4 Electric Xpower กับการออกแบบตัวรถใหม่แบบ Avant-Grade Inductive Design โดยไฟหน้าจะเป็นแบบ LED กับดีไซน์ Galaxy Technology Matrix Headlights และไฟท้าย LED ลาย Cgynus Symbol Decorative Light พร้อมหลังคาแบบทูโทน กับสปอยเลอร์หลังแบบ Twin Arrow Wing ส่วนล้อที่ให้มาจะเป็น ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว อีกทั้ง เติมความเป็นสปอร์ตด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีส้ม Xpower

     ส่วนภายในห้องโดยสารของ MG4 Xpower นั้นดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ โดยเน้นไปที่การใช้งานสะดวกสบาย, ดูโปร่งโล่งสบาย พร้อมความเหนือระดับจากคอนโซลกลาง Floated Central Control Platform พร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย หรือ Wireless charger

     ส่วนพวงมาลัยยังคงเป็นแบบหุ้มหนังที่มีระบบมัลติฟังก์ชัน ที่สามารถควบคุมเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์, กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ, หน้าจอแสดงผล Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว กับลำโพง 6 จุด รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android, ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V, พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C, ระบบกรองอากาศ PM2.5

     เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง และเบาะนั่งด้านหลังพนักพิงปรับได้แบบ 60:40 นอกจากนี้ยังได้เพิ่ม โหมด Intelligent Smart Access เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายเมื่อผู้ขับอยู่ในตำแหน่งที่นั่งเพียงเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ และให้ความสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุที่ใช้หุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์และหนัง Alcantara

     เหนือกว่าด้วยการเป็นอีวีสมรรถนะขั้นสูงเพราะ MG4 Xpower มาพร้อมกับขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor โดยมอเตอร์หน้าให้กำลัง 204 แรงม้า (150 กิโลวัตต์) และมอเตอร์หลังให้กำลัง 231 แรงม้า (170 กิโลวัตต์) รวมเป็น 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) และแรงบิด 600 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.8 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 200 กม./ชม.

     มาพร้อมกับเทคโนโลยี Rubik's Cube  Battery ขนาดความจุ 64 kWh (NMC battery) ทำให้รถคันนี้สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (มาตรฐานความประหยัดพลังงาน New European Driving Cycle)

     และยังมีระบบ One Pedal ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และทำให้ระยะทางการขับขี่เสถียรยิ่งขึ้น และ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ All Wheel Drive, ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (Adaptive), ยังคงจุดเด่นในการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม, ดิสก์เบรก 4 ล้อ 

     พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension ทำให้ลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวถนนได้ดี และโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Normal, Sport, Custom และ Snow

     MG ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย ด้วยระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่ติดตั้งแล้วกว่า 146 แห่งทั่วประเทศ ในส่วนของการชาร์จแบบเร็ว (Quick Charge) จะชาร์จไฟฟ้าจาก 10%-80% ใน 26 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 140 kWh

     ส่วนการชาร์จแบบธรรมดา (Normal Charge) ผ่าน MG Home Charger จะชาร์จไฟฟ้าจาก 10%–100% ใน 6 ชั่วโมง 30 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 11 kWh และรองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า)

      เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System ที่ครอบคลุมถึง 23 ระบบ ได้แก่

• ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์
• ระบบควบคุมการทรงตัว
• ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
• ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
• ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน
• ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่
• ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
• ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง 
• ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง
• ระบบช่วยเบรกขณะถอย
• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
• ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ ฯลฯ
• ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ที่ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ 

     MG4 Xpower นั้นประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการออกมาที่ 1,119,900 บาท โดยจะมากับตัวถังสีใหม่ นั่นคือสีเขียว Wild Hunter Green กับหลังคาดำแบบทูโทน (Blacktop)

     ผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของ MG4 Xpower หรือรถยนต์, รถยนต์ไฟฟ้าของ MG สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<