รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!

QRCODE

ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที

เริ่มประเมินวงเงิน

หรือ

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลย

มาดูกันว่าทำไม..ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าจึงมีราคาสูงกว่าประกันภัยรถยนต์ธรรมดาทั่วไป

รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV กำลังได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างมากเพราะขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายรวมทั้งยังมีเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย, ไม่ก่อให้เกิดมลพิษเนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน และ ประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ทำให้ช่วยประหยัดค่าน้ำมัน, ค่าซ่อมบำรุง เพราะสามารถชาร์จไฟได้ที่บ้านหรือตามจุดบริการสถานีชาร์จไฟต่างๆ ได้ ประกอบกับการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ จากแบรนด์ต่างๆ ก็ทยอยกันเปิดตัวกันตามมาเรื่อย ๆ รวมถึงล่าสุดกับการทำบันทึกข้อตกลงแสดงเจตจำนงเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ากับกรมสรรพสามิต ที่ทำให้ได้รับส่วนลดภาษีทำให้ราคาถูกลงเป็นอย่างมาก แต่สิ่งนึงที่เป็นข้อสงสัยและเป็นห่วงจากกลุ่มผู้ที่กำลังตัดสินใจรถประเภทนี้ก็คือประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าประกันภัยรถยนต์ธรรมดาทั่วไปหรือไม่

ตัวอย่าง MINI เหมือนกันแต่รุ่นหนึ่งคือรถยนต์ธรรมดาทั่วไป กับ รถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับผู้ใช้รถที่กำลังใช้รถยนต์ไฟฟ้าอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "ประหยัดค่าน้ำมัน มาจ่ายค่าประกัน" นั่นก็เพราะรถประเภทนี้ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ขับเคลื่อน, แบตเตอรี่ ทำให้อะไหล่และค่าซ่อมบำรุงก็มีต้นทุนที่สูงตามมาเพราะการซ่อมยังต้องซ่อมที่ศูนย์บริการตามแบรนด์ต่างๆ ที่นำมาจำหน่าย หรือ ซ่อมห้าง เนื่องจากต้องใช้ช่างที่มีความรู้ด้านไฟฟ้าและเครื่องกลเป็นผู้ดำเนินการ 

ประกอบกับยังไม่ค่อยมีบริษัทประกันภัยที่ออกแผนประกันภัยมารองรับมากนัก ทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาสูงกว่ารถธรรมดา ในบางรุ่นอาจมีราคาแพงกว่ากันเกือบ 50% (เทียบจากราคารถยนต์ที่มีเครื่องยนต์กับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาใกล้เคียงกัน) แต่อย่างไรก็ดี ถ้าความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้ามีเพิ่มมากขึ้น มีการรผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ได้ภายในประเทศ ลดการนำเข้าก็อาจจะเป็นไปได้ว่า เบี้ยประกันรถยนต์ของรถไฟฟ้าในอนาคตจะมีราคาที่ถูกลงกว่ารถยนต์ธรรมดาก็เป็นได้ (ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นอยู่กับแผนประกันของแต่ละบริษัท)

โดยในขณะนี้ทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ก็ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อทำกรอบค่าเบี้ยประกันภัยรถในกลุ่มนี้ให้เป็นมาตรฐานเพื่อให้บริษัทประกันภัยเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการอ้างอิงเมื่อเกิดเหตุ ซึ่งในปัจจุบันมีบางบริษัทได้เริ่มมีการรับประกับภัยในรถยนต์ไฟฟ้าออกมารองรับกันบ้างแล้ว โดยจะเอา ตัวเลขพละกำลังแรงม้า, ความจุแบตเตอรี่ เป็นต้น ซึ่งก็มีมีหลักเกณฑ์การคำนวณของกรมการขนส่งทางบก ที่ใช้ในการคำนวณค่าภาษีประจำปี แต่อย่างไรก็ดีค่าเบี้ยอาจจะสูงกว่ารถธรรมดาทั่วๆ ไป จากการที่ คปภ. ได้สำรวจก็พบว่ารถรถยนต์ไฟ้าจะเกิดเหตุน้อยกว่ารถทั่วๆ ไป แต่การซ่อมนั้นจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามากในแต่ละครั้ง เช่น แบตเตอรี่ ที่มีราคาลูกละเป็นแสน-หลายแสนบาท และส่วนอื่นๆ ที่เมื่อเกิดเหตุอาจจะต้องเปลี่ยนยกชุดกันเลยทีเดียว แต่ก็จะมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่รับประกันภัย อาทิ รถที่ใช้รับจ้าง หรือให้เช่า รวมถึงรถดัดแปลงสภาพ เป็นต้น

อย่างไรก็ดีการทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งสำคัญในการคุ้มครองไม่ว่า จะเป็นตัวคุณ ตัวรถ และคู่กรณี โดยมากก็ควรจะเป็นประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด หรือถ้าอยากประหยัดลงมาหน่อยก็อาจจะเลือกประกันชั้น 2 ให้ความคุ้มครองรองลงมาจากประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1, ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองครอบคลุมเกือบทุกกรณี ถือว่ามีความใกล้เคียงกับประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 แต่ต่างกันที่ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ คุ้มครองค่าเสียหายเฉพาะกรณีรถชนกับรถเท่านั้น, ชั้น 3 เป็นประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะกับผู้ที่ใช้รถน้อย มีงบประมาณเพียงพอต่อการซ่อมรถ และต้องการเบี้ยประกันราคาประหยัด และ ชั้น 3+ เป็นประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันภัยรถยนต์ ชั้น 3 แต่เพิ่มความคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุรถชนรถเพิ่มเข้าไป เพราะการที่รถมี ประกัน เผื่อไว้ดีกว่าเวลาที่เกิดเหตุแล้วต้องใช้กลับไม่มี

ลองเลือกดูประกันที่ตรงใจคุณได้ที่ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ หาประกันตามงบ

แต่ถ้าสนใจจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า มาเช็กวงเงินประเมินสำหรับออกรถกับเราก่อนได้ที่ 

>> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<


บทความแนะนำ

swiper-arrow-prev
swiper-arrow-next
ขอสินเชื่อ จัดเลย!
กลับสู่ด้านบน