รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยในตลาดรถกระบะของไทยนั้นมีตัวเลือกอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Toyota Hilux Revo, Ford Ranger, Mitsubishi Triton, Nissan Navara, MG Extender, Mazda BT-50, Suzuki Carry และ Isuzu D-MAX ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีรถโมเดลอื่น ๆ จำหน่ายอยู่ด้วย แต่สำหรับ Isuzu เป็นเพียงรายเดียวที่มีโปรดักส์น้อยกว่ารายอื่น ๆ มีเพียงแค่ D-MAX กับ MU-X แล้วอะไรที่ทำให้ Isuzu ยืนหนึ่งในตลาดรถกระบะเพื่อการพานิชย์มาได้อย่างยาวนาน มาจากองค์ประกอบหลาย ๆ ด้าน เช่น เครื่องยนต์ซ่อมง่ายไม่จุกจิก, ราคาไม่ตก, ประหยัดน้ำมัน, การบริการที่ได้มาตรฐาน และที่สำคัญมีตัวเลือกหลากหลายครบทุกความต้องการให้เลือกจะมีอะไรบ้าง? เราจะไปดูกัน
เริ่มกันด้วยรุ่น โดย Spark จะมากับกระจังหน้าแบบ Double Dimensions ที่เป็นสีทูโทน และเพื่อภารกิจบรรทุกก็จะมีพิ้นที่กระบะท้ายขนาดใหญ่ เพื่อรองรับทุกงานหนักสำหรับกิจการของคุณด้วยความยาว 2,330 มม. กว้าง 1,590 มม. และสูง 465 มม.
ส่วนตัวถังแบบ 2 ประตู และ 4 ประตู มากับกระจังหน้าแบบ Double Dimensions ดีไซน์แบบทูโทนด้วย สี Chrome และ สี Dark Grey Metallic กับไฟหน้า Bi-LED ที่มี Multifunctional Daylight แบบ Built-in
พร้อมล้อ 2 ขนาด (แตกต่างกันตรงรุ่นย่อย) นั่นคือ ล้อ Robust Radius ขนาด 18 นิ้ว และ ล้อใหม่ที่มากับดีไซน์ Aeroscrew ขนาด 17 นิ้ว
ด้านตัวถังแบบ V-CROSS จะมากับกระจังหน้าแบบ Double Dimensions ดีไซน์แบบทูโทนด้วยสีเทาดำและ สี Black Chrome ตรงบริเวณกันชนหน้าจะมีการตกแต่งด้วยสีทูโทน พร้อมชุดแต่งสีเทารอบคันเพื่อเพิ่มความดุดัน ส่วนไฟหน้า Bi-LED ที่มี Multifunctional Daylight แบบ Built-in ตบท้ายด้วยล้อ Robust Radius ขนาด 18 นิ้ว ที่เสริมความสวยงามด้วยสี Matte Black
ตบท้ายกันด้วยตัวถัง X-SERIES ที่จะมี รุ่น Speed กับ Hi-Lander จะมากับสีใหม่ สีเทา Islay Gray Opaque ที่ให้มุมมองสีได้หลากหลายมิติ
ทั้งยังตกแต่งด้วยสติกเกอร์คาดหน้า-หลัง พร้อมสัญลักษณ์ X เพิ่มเติมชุดแต่งรอบคัน พร้อมสเกิร์ตหน้าลายเคฟลาร์ (รุ่น Speed) กระจังหน้าแบบ Double Dimensions โดดเด่นด้วยสีดำ Glossy Black กับสีแดงเข้ม Garnet Red ส่วนไฟหน้า Bi-LED ที่มี Multifunctional Daylight แบบ Built-in
ด้านล้อ รุ่น Speed จะได้สีดำ Glossy Black ขนาด 16 นิ้ว ส่วน Hi-Lander จะได้ดีไซน์ Robust Radius ขนาด 18 นิ้ว
และล้อใหม่ที่มากับดีไซน์ Aeroscrew ขนาด 17 นิ้ว นอกจากนี้ยังจะได้ สปอร์ตบาร์, บันไดข้างสีเงินในรถสีขาว/สีเทาเข้มในรถสีเทาและดำ
ต่อกันที่ดีไซน์ภายในกันบ้าง สำหรับรุ่น Spark ก็จะเน้นเพื่อการใช้งานจึงออกแบบเน้นความสะดวกสบาย ให้ห้องโดยสารมีความกว้าง และใช้งานง่าย ตามหลัก Usability Design
ด้านตัวถังแบบ 2 ประตู ก็จะเน้นการออกแบบภายในอย่างปราณีต จากการเลือกใช้วัสดุพรีเมียม พร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ให้สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจได้อย่างมีสไตล์ โดยเบาะนั่งจะมากับเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน และมาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับ Android Auto และ Wireless Apple Carplay พร้อมกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide โดยตัวกล้องจะมาแบบ Built-in ขาดไม่ได้คือหน้าจอ Smart MID ขนาด 4.2 นิ้ว ที่จะแสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ
สำหรับตัวถังแบบ 4 ประตู จะหรูหรากว่าด้วย Piano Black และ Satin Chrome กับการออกแบบคอนโซลหน้าแบบ Sharp Horizontal Layers เพื่อเล่นระดับกับแผงประตู โดยที่ภายในกว้างขวางปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายพร้อมระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ที่สามารถดักฝุ่น PM 2.5 และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ตัวถังแบบ V-CROSS จะมากับการออกแบบคอนโซลหน้าแบบ Sharp Horizontal Layers เพื่อเล่นระดับกับแผงประตู แต่จะโดดเด่นกว่าด้วยสี Brown Cafe และสี Satin Silver เพื่อเพิ่มความหรูหรา ส่วนระบบปรับอากาศก็จะได้เหมือนกับตัวถัง 4 ประตู
ปิดท้ายกันที่ X-SERIES ในรุ่น Speed จะเน้นความเร้าใจ ในทุกสัมผัสไปกับ X-Stylish Package เพื่อยกระดับความโฉบเฉี่ยว เพื่อเต็มอารมณ์สปอร์ตเรซซิ่ง
ส่วน Hi-Lander จะเน้นความสปอร์ตพรีเมียม! อย่างมีสไตล์ด้วยชุดแต่ง X-Stylish Package เพิ่มความเร้าใจ เติมเต็มทุกความแรง
ส่วนขุมกำลังของ Isuzu D-MAX ในทุกรุ่นนั้นก็จะมากับ เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power (4JJ3-TCX) ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า และ แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ที่ถือว่าเป็นเครื่องยนต์อันทรงพลังที่สุดของแบรนด์
และ เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 (RZ4E-TC) ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 150 แรงม้า และ แรงบิด 350 นิวตันเมตร แม้พละกำลังจะน้อยกว่า แต่ก็ออกตัวได้อย่างรวดเร็วทันใจ เร่งแซงได้ทันใจ และเป็นเครื่องยนต์ที่มอบความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี
โดยเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัวนั้นจะส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ให้จังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล ทั้งยังมีโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic ทำให้สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้แบบ 6 สปีด พร้อมถ่ายทอดพลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยอัตราทดต่อเนื่อง ทำให้ได้พละกำลังสำหรับลากจูงในทุกย่านความเร็ว เข้าเกียร์ง่าย แม่นยำ ทำให้ขับขี่ได้สนุกเร้าใจ อีกทั้งยังมี Reverse Ring เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเข้าเกียร์ถอย และ Genius Sport Shift ทำหน้าที่บอกตำแหน่งเกียร์พร้อมแจ้งเตือนเพื่อเปลี่ยนเกียร์
ด้านเทคโนโลยี Isuzu D-MAX ก็มีมาให้กับ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) หรือ เทคโนโลยีเพื่อระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ที่มากล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ที่ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคอยตรวจจับวัตถุด้านหน้ารถแบบเรียลไทม์ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง พร้อมผสานการทำงานกับระบบต่าง ๆ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรฝัน ACC พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Full Speed Range Adaptive Cruise Control), ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning), ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) ทำให้ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้สุดถึง 50% (ข้อมูลอ้างอิงจากสภาความปลอดภัยแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา) ซึ่งเทคโนโลยี ADAS นี้ จะอยู่ใน D-MAX V-CROSS 4X4 และ D-MAX Hi-Lander 4 ประตู ในเกรด M
Isuzu D-MAX จะแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มง่าย ๆ เราจะไปดูกันว่า ในแต่ละรุ่นย่อยนั้นมีราคาจำหน่ายอยู่ที่เท่าไหร่กันบ้าง
Isuzu Spark
Isuzu 2 ประตู
Spacecab
Hi-Lander
Isuzu 4 ประตู
Cab 4
Hi-Lander
Isuzu V-CROSS
Isuzu X-SERIES
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ Isuzu D-MAX สามารถติดต่อขอสินเชื่อรถเหล่านี้ได้ที่ กรุงศรี ออโต้ ให้บริการโดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ติดต่อ กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์ โทร. 0-2740-7400 และติดตามโปรโมชันรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม รายละเอียดตามลิงก์ด้านล่างนี้
>> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว