รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี
ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยซื้อรถไฟฟ้าคุ้มจริงไหม ถ้าแบตเตอรี่เป็นของแพงที่สุดในรถ? การตัดสินใจเลือกซื้อรถไฟฟ้าแบตเตอรี่เป็นสิ่งสำคัญที่คนยังให้ความสำคัญอยู่ไม่น้อย และก็มีหลายคนที่กังวลเรื่องของแบตเตอรี่จะทนไหม แล้วถ้าใช้ไปนาน ๆ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ราคาจะแพงหรือเปล่า? EV คุ้มไหม? แล้วประกันแบตเตอรี่คลอบคลุมถึงเรื่องอะไรบ้างนะ? ระยะเวลารับประกันแบตเตอรี่รถไฟฟ้า 5 ปี 8 ปี 10 ปี คุ้มไหม? หรือใช้ไปนาน ๆ เลยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? ทำไมประกันแบตเตอรี่ถึงเป็นประเด็นสำคัญกันนะ ตามไปดูกันเลย
ทำไมแบตเตอรี่รถไฟฟ้าถึงเป็นประเด็นสำคัญ
เพราะว่าแบตเตอรี่คือหัวใจของรถไฟฟ้า และเป็นชิ้นส่วนที่แพงที่สุด สำหรับรถไฟฟ้าบางรุ่นคิดเป็น 30–40% ของราคารถเลยก็มี การใช้งานจนเสื่อมสภาพเป็นเรื่องปกติ เช่น ความจุลดลงเมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ หรือแบตเตอรี่รถไฟฟ้าเสื่อมจนวิ่งได้น้อยลง หากความจุต่ำกว่า 70% การวิ่งต่อครั้งจะสั้นลงมาก จนอาจกระทบการใช้งานจริงต้องเปลี่ยนแบต EV ทำให้เสียค่าใช้จ่ายหลายแสนบาท ค่าเปลี่ยนแบต EV เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียว
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ใช้ได้นานแค่ไหน?
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานประมาณ 3,000 รอบการชาร์จขึ้นไป หรือประมาณ 10-20 ปี ตลอดอายุการใช้งานจริง และคาดว่าจะมีอายุการใช้งานจริงของแบตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 320,000 กม. หรือมากกว่าระยะเวลาประกันที่ให้โดยทั่วไป ประมาณ 6-8 ปี หรือ 150,000-160,000 กม.
แบตเตอรี่รถไฟฟ้าแต่ละรุ่นอัปเดตปี 2025 พร้อมค่าเปลี่ยนแบต EV
รุ่นรถ |
ราคา |
แบตเตอรี่ |
ขนาดแบตเตอรี่ |
ความเร็วในการชาร์จ DC |
ราคาเปลี่ยนแบตเตอรี่ |
Tesla Model 3 | 1,599,000 บาท | Lithium-ion |
75.0 |
56 นาที |
ประมาณ 400,000 – 600,000 บาท |
Hyundai Ioniq 6 | 1,899,000 บาท | Lithium-ion | 77.4 | 18 นาที | 751,582.39 - 781,095.88 บาท |
BYD Sealion 7 | 1,149,900 บาท | LFP | 82.5 | ชาร์จ 9-35% ใช้เวลา 10 นาที | ประมาณ 500,000-600,000 บาท |
BYD Dolphin | 499,900 บาท | LFP | 50.25 | 30-38 นาที | 309,364.49 ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น |
JAECOO J6 | 799,000 บาท | LFP | 65.69 | 35 นาที | ไม่มีการเปิดเผยราคาแบตเตอรี่แยกต่างหาก |
Jaecoo 5 | 549,000 บาท | LFP | 58.9 | 30 นาที | ไม่มีการเปิดเผยราคาแบตเตอรี่แยกต่างหาก |
Suzuki e-VITARA SUV | ประมาณ 1.29 ล้านบาท | LFP | 49 | 30 นาที | ไม่มีการเปิดเผยราคาแบตเตอรี่แยกต่างหาก |
Toyota bZ4X Minor Change | ประมาณ 1.5 ล้านบาท | Lithium-ion | 73.1 | 30 นาที | 404,685.05 - 444,052 บาท |
MG S5 EV | 699,900 บาท | Lithium-ion | 50 | 28 นาที | ไม่มีการเปิดเผยราคาแบตเตอรี่แยกต่างหาก |
MG IM6 | 1,299,900 บาท | LFP และ NMC แล้วแต่รุ่น | 100 | 18 นาที | ไม่ระบุ ติดต่อศูนย์บริการลูกค้า |
MG ES5 | 719,900 บาท | Lithium-ion | 64 | 28 นาที | ไม่ระบุ ติดต่อศูนย์บริการลูกค้า |
XPENG G6 | 1,349,000 บาท | LFP และ NMC แล้วแต่รุ่น | 66 | 20 นาที | ไม่มีการเปิดเผยราคาแบตเตอรี่แยกต่างหาก |
Chery iCar V23 | ประมาณ 700,000 บาท | LFP | 59.9 | 30 นาที | ใกล้เปิดตัว ยังไม่เปิดเผยราคา |
ZEEKR 7X | 1,399,000 บาท | LFP | 75 | 16 นาที | ไม่ระบุ ติดต่อศูนย์บริการลูกค้า |
Geely EX5 | 799,000 บาท | LFP | 60.22 | 20 นาที | ไม่ระบุ ติดต่อศูนย์บริการลูกค้า |
AION V | 899,900 บาท | LFP | 75.3 | 16 นาที | ราคาแบตเตอรี่ AION V นั้นจะอยู่ที่หลักแสนบาท |
Deepal E07 | 1,699,000 บาท | Ternary Lithium (NMC) | 89.98 | 15 นาที | ไม่มีการเปิดเผยราคาแบตเตอรี่แยกต่างหาก |
รถไฟฟ้าบางรุ่นไม่ได้เปิดเผยข้อมูลราคาแบตเตอรี่ ทำให้ทางผู้ใช้บริการต้องติดต่อศูนย์บริการลูกค้า เพื่อรู้ราคาเปลี่ยนแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้ารุ่นนั้น ๆ โดยส่วนใหญ่ราคาแบตเตอรี่ประมาณ 300,000 ขึ้นไป จากเหตุนี้เองทำให้ทางคปภ. สร้างความคุ้มครองสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการรถไฟฟ้า มีเบี้ยประกันสำหรับแบตเตอรี่รถไฟฟ้าขึ้นมา ซึ่งจะช่วยลดภาระผู้บริโภคต้องจ่ายเองในกรณีต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ได้
ประกันภัยแบตเตอรี่รถไฟฟ้าใช้เกณฑ์อะไร?
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ของ คปภ. ได้กำหนดเงื่อนไขประกันภัยแบตเตอรี่ที่ลดลงตามอายุการใช้งาน โดยให้คุ้มครองสำหรับแบตเตอรี่รถไฟฟ้าที่ลดลง 10% ต่อปี ตั้งแต่ปีที่ 2 ถึงปีที่ 5 โดยปีที่ 6 เป็นต้นไป จะคุ้มครอง 50% ของราคาแบตเตอรี่จากผู้จำหน่าย ผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกจ่ายเบี้ยเพิ่ม เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองแบตเตอรี่เต็ม 100% ในทุกปี
การรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี คืออะไร?
โดยปกติแล้วการรับประกันแบตเตอรี่รถ EV จะอยู่ที่ 8 ปี หรือประมาณ 120,000 กม. ถึง 250,000 กม. ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ เช่น BYD, Tesla, Changan, NETA, AION, KIA, Wuling, GWM, Nissan, Volvo, Hyundai, Audi, BMW, Mercedes-Benz (บางรุ่น) และ Porsche แต่มีบางแบรนด์ที่ให้การรับประกันที่ยาวนานกว่า เช่น Mercedes-Benz EQS และ Rolls-Royce SPECTRE ที่รับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
การคุ้มครองแบตเตอรี่จะคุ้มครองตามอายุการใช้งาน และตามความเสื่อมสภาพของการใช้งาน อย่างเช่นในปีแรกคุ้มครอง 100% ปีที่ 2 คุ้มครอง 90% ลดลงไปตามอายุการใช้งาน ซึ่งการเคลมแบตเตอรี่จะไม่ครอบคลุมความเสียหายในด้านอื่น เช่น อุบัติเหตุ น้ำท่วม ไฟไหม้ หรือดัดแปลงรถเป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกันภัยกำหนด
ข้อดีและข้อสังเกตของประกันแบตเตอรี่ 8 ปี
ข้อดี |
ข้อสังเกต |
1. สามารถใช้งานระยะยาวได้ หากแบตเตอรี่เสื่อมหรือเสียหายจะได้รับการซ่อมหรือเปลี่ยนฟรี ลดค่าใช้จ่ายสูงในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ | 1. ความคุ้มครองของประกันมีข้อจำกัด เช่นไม่ครอบคลุมความเสียหายจากอุบัติเหตุ การใช้งานผิดวิธี หรือชาร์จเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น ชาร์จเร็วบ่อย ๆ หรือน้ำท่วม ซึ่งผู้ใช้ต้องระวังและดูแลรักษาเอง |
2. เพิ่มมูลค่ารถในการขายต่อเป็นรถมือสอง เพราะถ้ารถยังมีประกันแบตเตอรี่ จะช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจในสภาพรถและลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาแบตเตอรี่ได้ | 2. เงื่อนไขในการเคลมอาจซับซ้อน บางครั้งต้องผ่านการตรวจสอบและวัดค่าความจุแบตเตอรี่ ว่าเสื่อมเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด ทำให้ขั้นตอนการเคลมใช้เวลานานและยุ่งยาก |
3. ช่วยให้ผู้ใช้ดูแลแบตเตอรี่ดีขึ้น ผู้ใช้มักจะปฏิบัติตามข้อแนะนำของผู้ผลิต เช่น การชาร์จ การใช้งานในช่วง 20-80% เพื่อลดการเสื่อมของแบตเตอรี่ เนื่องจากข้อกำหนดของประกันมักจะครอบคลุมเฉพาะความเสื่อมจากการผลิต ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากการใช้งานผิดวิธี | 3. ค่าใช้จ่ายประกันอาจรวมในราคารถยนต์ ทำให้ราคาสูง เมื่อต้องซื้อประกันแบตเตอรี่ระยะยาวทำให้ราคาซื้อรถไฟฟ้าสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อชดเชยความเสี่ยงของผู้ผลิต |
รถไฟฟ้า vs รถน้ำมัน อันไหนคุ้มกว่า
รายการ |
รถน้ำมัน |
รถไฟฟ้า (EV) |
ค่าใช้จ่ายในการซื้อและค่าบำรุงรักษา | รถน้ำมันราคาถูกกว่ารถไฟฟ้า แต่ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาจะสูงกว่ารถไฟฟ้า เพราะภายในมีชิ้นส่วนและระบบที่ซับซ้อนมากกว่า เช่น ระบบเกียร์, น้ำมันเครื่อง, หัวเทียน, ระบบไอเสีย | รถไฟฟ้ามีราคาสูงกว่า เนื่องจากแบตเตอรี่และเทคโนโลยีไฟฟ้า แต่มีค่าบำรุงรักษาต่ำมาก เช่น ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและชิ้นส่วนสึกหรอน้อยกว่า |
ค่าเชื้อเพลิงและพลังงาน | รถน้ำมันมีค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน เพราะน้ำมันมีความผันผวนตามตลาด และการสิ้นเปลืองน้ำมันขึ้นกับสมรรถนะและการขับขี่ รถยนต์เครื่องเล็กหรือไฮบริดจะประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นใหญ่ | รถไฟฟ้าชาร์จไฟฟ้าแทนเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมันมาก โดยเฉพาะถ้าใช้ชาร์จที่บ้านหรือแหล่งพลังงานทดแทน ที่สำคัญ รถไฟฟ้ามีประสิทธิภาพพลังงานสูงกว่ารถน้ำมันมาก |
ขุมพลังและสมรรถนะ | ระยะทางวิ่งไกลและเติมน้ำมันรวดเร็วกว่า ไม่ต้องรอชาร์จ แต่สถานีบริการน้ำมันมีอยู่ทั่วไปแล้ว | มีอัตราเร่งเร็ว เพราะมีพวงมาลัยเบา และการขับขี่ที่เงียบกว่า รถน้ำมันอาจมีแรงบิดน้อยกว่าในรอบต่ำและเสียงรบกวนสูงกว่า EV ต้องรอเวลาชาร์จที่แตกต่างกันตามกำลังชาร์จและสถานี ซึ่ง EV รุ่นใหม่ ๆ มีเวลาชาร์จรวดเร็วขึ้นมาก |
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | มีการผลิตก๊าซเรือนกระจกสูงกว่า |
รถไฟฟ้ามีค่าไอเสียและมลพิษต่ำกว่าอย่างชัดเจน ช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศและภาวะโลกร้อน ในขณะเดียวกันการผลิตและการกำจัดแบตเตอรี่รถไฟฟ้ามีผลกระทบบางประการที่ต้องได้รับการจัดการอย่างยั่งยืน |
ราคาแบตเตอรี่รถไฟฟ้าจะลดลงไหม?
แน่นอนว่าเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ จากรายงานล่าสุดจาก Goldman Sachs ระบุว่า ภายในปี 2026 ราคาแบตเตอรี่จะลดลงเหลือเพียง 80 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ หรือประมาณ 2,544.80 บาท ซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของราคาในปี 2023 และคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ราคาแบตเตอรี่อาจอยู่ที่ 32-54 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ หรือ 45-65 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์สำหรับชุดแบตเตอรี่ ทำให้ค่าเปลี่ยนชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 100 กิโลวัตน์-ชั่วโมง อาจอยู่ที่ 4,500-5,000 ดอลลาร์ หรือเพียง 3,300 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 105,006 บาท สำหรับแบตเตอรี่ชุด 75 กิโลวัตน์-ชั่วโมง มีความใกล้เคียงกับค่าเปลี่ยนเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป
ราคาแบตเตอรี่รถไฟฟ้าจะลดลงเพราะอะไร?
ราคาแบตเตอรี่จะลดลงเพราะเกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น เคมีภัณฑ์ LFP แบตเตอรี่ความหนาแน่นพลังงานสูง เทคโนโลยีการรีไซเคิล และการลดลงของราคาโลหะที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ เช่น ลิเธียมและโคบอลต์ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 60% ของต้นทุนแบตเตอรี่ทั้งหมด โดยประมาณ 40% ของการลดลงของราคาแบตเตอรี่ มาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง
ดังนั้นการรับประกันแบตเตอรี่รถไฟฟ้า 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร เป็นเงื่อนไขการประภัยที่จะช่วยลดความกังวลเรื่องค่าแบตแพงได้มาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้รถไม่เกิน 5–8 ปี เพราะแทบไม่มีโอกาสต้องควักเงินเปลี่ยนแบตเองเลย จึงถือว่าคุ้มค่าและทำให้การตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้าง่ายขึ้น
แต่สำหรับคนที่มีแผนใช้รถยาวเกิน 10 ปี ควรเตรียมงบสำรองหรือศึกษาค่าใช้จ่ายแบตล่วงหน้า เพราะเมื่อหมดประกันแล้ว การเปลี่ยนแบตอาจมีค่าใช้จ่ายสูง แนวโน้มราคาจะลดลงในอนาคตจากเทคโนโลยีใหม่ก็ตาม
สรุปง่าย ๆ คือ สำหรับคนที่เปลี่ยนรถทุก 5–8 ปี คุ้มแน่นอน สำหรับคนที่ใช้รถยาว 10 ปีขึ้นไป ควรคิดรอบคอบ และอย่าลืมตรวจสอบ เงื่อนไขการรับประกันของแต่ละค่ายก่อนตัดสินใจซื้อ
เพราะสุดท้ายแล้ว การซื้อรถไฟฟ้าไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ราคาหรือแบตเตอรี่ แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานจริงและแผนการใช้รถของคุณเอง
อ้างอิง
https://tayniu.com/th/tesla-model-3-battery-replacement-cost-what-to-expect/
https://hyundai.oempartsonline.com/v-2023-hyundai-ioniq-6--sel--electric/electric-propulsion-system--battery#:~:text=My%20Cart,High%20voltage%2C%2077.4%20kwh
https://www.bydchonburi.com/blog/byd-blade-battery-price-saving
https://www.topspeed.com/how-much-costs-replace-toyota-ev-battery/#:~:text=Toyota%20U.S.%20offers%20a%20really,Prime%20Planet%20Energy%20and%20Solutions
https://www.denzabdultimate.com/electric-car-battery-price-th/
https://www.krungsriauto.com/auto/content/OCT19-EVCar.html
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว