เปิดตัว Omoda C5 EV อย่างเป็นทางการด้วย 2 รุ่นย่อย Long Range Plus และ Long Range Ultimate ในราคาเริ่มต้นที่ 8.99 แสนบาท พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่จองและรับรถภายในวันที่ 31 ต.ค. 2567

     โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile เปิดตัว Omoda C5 EV อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยจะมี 2 รุ่นย่อยให้เลือกได้แก่ รุ่น Long Range Plus และ รุ่น Long Range Ultimate พร้อมโปรโมชันและของสมนาคุณสุดพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มแรกที่จอง

     นอกจากนี้ในด้านการบริการหลังการขายที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแบบครบวงจร ผ่านผู้จำหน่าย Omoda & Jaecoo ทั่วประเทศ ที่พร้อมให้บริการทั้ง 25 แห่ง และภายในปีนี้จะขยายถึงกว่า 40 แห่ง และยังมีคลังอะไหล่บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าชาวไทยที่สนใจรถยนต์ Omoda C5 EV พร้อมแล้วที่จะให้ลูกค้าชาวไทยที่สนใจทดลองขับ และจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

     Omoda C5 EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100 % โดยจะมากับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว โดยทั้งรุ่น Long Range Plus และ รุ่น Long Range Ultimate นั้นจะมีรายละเอียดตรงจุดนี้ที่เหมือนกันคือ ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร 

     ส่วนแบตเตอรี่จะมีความจุ 61 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถขับเคลื่อนได้เป็นระยะทาง 505 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) หรือ 430 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) ทั้งยังรองรับการชาร์จกระแสสลับ (AC) สูงสุดที่ 9.9 กิโลวัตต์ และการชาร์จกระแสตรง (DC) สูงสุดที่ 80 กิโลวัตต์ ทำให้ Omoda C5 EV ทั้ง 2 รุ่น นั้นมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ภายใน 7.2 วินาที ทั้งยังทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 172 กิโลเมตร/ชั่วโมง

     สำหรับการชาร์จ 1 ครั้งของ Omoda C5 EV กับแบตเตอรี่ขนาด 61 กิโลวัตต์ จะใช้ไฟ 30 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ค่าไฟบ้านหน่วยละ 4.2 บาท/กิโลวัตต์ ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 1 ครั้งจะจ่ายค่าไฟไป 256.2 บาท แต่สามารถประหยัดไฟบ้านได้มากขึ้น ด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ หรือสินค้าพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เลือกซื้อได้ที่ LINE @krungsriauto เลือกเมนู PromptBuy ได้เลย

     ส่วนภายนอกของ Omoda C5 EV จะมีมิติตัวถังอยู่ที่ ความกว้าง 1,830 มิลลิเมตร ความยาว 4,424 มิลลิเมตร ความสูง 1,588 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,630 มิลลิเมตร  และจะมีระยะต่ำสุดถึงพื้นที่ 165 มิลลิเมตร โดยจะเป็นรถยนต์ Cross Over SUV

     ในด้านหน้าจะให้ไฟหน้ากับไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน และไฟท้ายแบบ LED นอกจากนี้ก็ยังเสริมฟังก์ชันไฟส่องนำทางหลังดับเครื่อง, ไฟหน้าทำงานอัตโนมัติ, ปุ่มปรับระดับไฟหน้า, ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง, ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, มือเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถพร้อมตกแต่งด้วยโครเมียม, ตกแต่งภายนอกแบบสปอร์ตแพ็กเกจ, สปอยเลอร์ท้ายรถ

     และตะขอเกี่ยวลากจูงด้านหน้า นอกจากนี้ในรุ่น Long Range Ultimate นั้นจะได้ โดยไฟเลี้ยวด้านหลังจะเป็นแบบวิ่ง (Sequential), ไฟส่องสว่างที่พื้นติดตั้งบริเวณกระจกมองข้าง, หลังคาซันรูฟ, ราวหลังคา และการตกแต่งบริเวณขอบประตูด้านนอกด้วยสีดำเงา สำหรับเรื่องล้ออัลลอย ทั้ง 2 รุ่น จะมากับล้อขนาด 18 นิ้ว กับยางขนาด 215/55R18 

     Omoda C5 EV ทั้ง 2 รุ่น จะมีภายในที่รองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง และจะมีรายละเอียดที่เหมือนกัน อาทิ ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร 64 เฉดสี พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง

     ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าจะเป็นแบบสปอร์ต โดยเบาะคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ส่วนเบาะผู้โดยสารคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะทั้ง 2 ส่วนเบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60/40

     เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระจาก 380 ลิตร ให้มีความจุมากกว่าเดิม เพิ่มความสะดวกสบายด้วยฝาท้ายไฟฟ้า ส่วนแอร์ก็จะเป็นแบบแยกอิสระ 2 โซน และกุญแจแบบ Keyless ที่มีระบบสั่งการทำงานผ่านรีโมท แต่สิ่งที่รุ่น Long Range Ultimate จะได้เพิ่มมาก็คือ กระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบลดเสียงรบกวนภายนอกและกระจกแบบ Privacy Glass

     ในส่วนของเครื่องเสียง Omoda C5 EV จะได้จอแสดงผลแบบจอกว้างขนาด 24.6 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ และ Android Auto สำหรับรุ่น Long Range Plus จะได้เครื่องเสียงมาตรฐาน พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่งและรุ่น Long Range Ultimate นั้นจะได้เครื่องเสียง SONY พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง นอกจากนี้ก็จะมีช่องเสียบ USB หน้าและหลังและฟังก์ชันชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 50 วัตต์

     สำหรับระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีของ Omoda C5 EV ก็จะมีระบบต่าง ๆ มาให้มากมาย เช่น กล้องแสดงภาพรอบทิศทางแบบ 540 องศา ในรุ่น Long Range Ultimate นอกนั้นทั้ง 2 รุ่นก็จะได้เหมือนกัน อาทิ 

• โหมดการขับขี่ (ECO, Normal, Sport)
• ระบบจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอก (V2L) ขนาด 3.3 กิโลวัตต์
• เซนเซอร์ช่วยจอดรถด้านหน้าและหลัง
• ระบบลดกำลังขับเคลื่อนเพื่อช่วยเบรก BOS
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
• ระบบช่วยลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ RSC
• ระบบควบคุมความเร็วในการขึ้น-ลงทางลาดชัน HAC และ HDC
• ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS
• ระบบควบคุมรถเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ IES
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC
• ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพความเร็วต่ำ TJA เป็นต้น

     Omoda C5 EV นั้นจะมี 2 รุ่น ให้เลือก คือรุ่น Long Range Plus นั้นจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 899,000 บาท มี 3 สีให้เลือก ขาว,ดำ,เทา กับรุ่น Long Range Ultimate จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 949,000 บาท มี 5 สีให้เลือก ขาว, ดำ, เทา, แดง และเขียวมินต์ โดยจะมีข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่จองและรับรถ OMODA C5 EV ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เฉพาะ 1,000 คันแรก*

1. การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
   - การรับประกันคุณภาพรถใหม่ (Warranty)
   - การรับประกันระบบมอเตอร์ขับเคลื่อน (Driving motor system)
   - การรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery)

2. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) 5 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง*

3. ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี*

4. ฟรี! โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้ง*

5. ดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 1.68%*

6. ของสมนาคุณสุดพิเศษ OMODA | Earthology Studio*

7. สินค้าไลฟ์สไตล์ให้ลูกค้าเลือกได้ 1 อย่าง ระหว่าง Apple Watch SE GPS 44 mm หรือ Harman Kardon Aura Studio 4 หรือ บัตรชาร์จไฟฟ้า มูลค่า 10,000 บาท*

     ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ Omoda C5 EV ไม่ว่าจะเป็น รุ่น Long Range Plus และรุ่น Long Range Ultimate สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<