รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี และ เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ MG เปิดตัว MAXUS 7 ที่เป็นรถ E-MPV ไซส์กลาง รองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 ที่นั่ง ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ซึ่งถือว่าเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ในวงการรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการ และตอบโจทย์ให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวสมัยใหม่ โดดเด่นด้วยความหรูหรา และความเหนือระดับของรถในตระกูล MG MAXUS กับสมรรถนะการขับขี่ เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน
แม้จะยังไม่มีการประกาศราคาจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้เปิดรับจองล่วงหน้า MG MAXUS 7 ผ่านช่องทางออนไลน์ถึง 30 เมษายน 2567 ด้วยข้อเสนอพิเศษ จอง 10,000 บาท สามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 20,000 บาท (ภาพประกอบในบทความเป็นรุ่นที่เป็นกล้องที่กระจกมองข้างแต่รุ่นที่นำมาโชว์นั้นจะได้เป็นกระจกแทน)
MG MAXUS 7
MG MAXUS 7 มากับขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลัง 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) กับแรงบิด 350 นิวตันเมตร กับแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ที่จัดวางแบบ Cell To Pack มีขนาดความจุอยู่ที่ 90 kWh ทั้งยังได้รับมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่นอีกด้วย ทำให้สามารถวิ่งได้ในระยะทางสูงสุด 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) และมีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย
ส่วนของการชาร์จ สามารถชาร์จแบบเร็ว (DC Quick Charge) จาก 30% - 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที (ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh) และชาร์จแบบธรรมดา (Normal Charge) จาก 5% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที (รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh) ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า ทั้งยังรองรับระบบ V2L ที่เปลี่ยนให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าระดับ 6.6 kW
MG MAXUS 7 มากับการออกแบบที่ดูล้ำสมัยตามแบบฉบับของ MG MAXUS Series ซึ่งการออกแบบของ E-MPV ยุคใหม่ ที่เน้นความเรียบหรู โดยจะมีมิติตัวถังอยู่ที่ ความยาว 4,907 มม. ความกว้าง 1,885 มม. ความสูง 1,768 มม. และ ระยะความยาวฐานล้อ 2,975 มม.
โดยกระจังหน้าแนวใหม่ Grille less Design ที่ให้ความหรูหราแบบเรียบง่าย ส่วนไฟหน้า ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 จะเป็นแบบ LED โดยที่ไฟหน้ามาพร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
ทั้งยังมี หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบ One Touch ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง และสปอยเลอร์หลัง กับประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า โดยที่เปิดประตูเป็นแบบเก็บซ่อนในตัวรถ และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่มาพร้อม Aero Wheel Cover ดีไซน์ใหม่ กับยางขนาด 225/55R18
อีกหนึ่งจุดเด่นของ MG MAXUS 7 ก็คือพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่มอบความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร เริ่มด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยสีทูโทน (ดำ-น้ำตาล) ตกแต่งด้วยวัสดุแบบ Soft Touch ส่วนเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa และวัสดุหนังสังเคราะห์ สำหรับดีไซน์ของคอนโซลหน้าเป็นแบบ Double Layer เพิ่มความสะดวกสบายด้วยกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
เบาะนั่งของ MG MAXUS 7 ในส่วนคนขับสามารถปรับด้วยไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมปรับอุณหภูมิร้อน – เย็น ได้ สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 เป็นแบบ Captain Seat ปรับได้แบบแมนนวล ที่ออกแบบให้โอบรับกระชับทุกสรีระ ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังปรับได้ 4 ทิศทาง ที่มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์
และจะมีหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัล แบบ Dual Widescreen ที่เชื่อมต่อกันกับจอสีระบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว กับลำโพง 8 จุด รองรับระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) ด้านระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนด้านหน้าและหลัง พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5
ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยที่อัดแน่นอยู่ใน MG MAXUS 7 มีอะไรบ้างไปดูกัน
- ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย
- เบรกมือไฟฟ้า
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู
โดยทาง MG ได้เปิดรับจองล่วงหน้า MAXUS 7 รุ่น X พร้อมสีตัวถังที่จะเข้ามาจำหน่ายในไทยซึ่งมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White), สีดำ (Black Knight) และ สีเทาหลังคาดำ (Concrete Grey / Black Top) โดยผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2567 ด้วยข้อเสนอพิเศษ จอง 10,000 บาท สามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 20,000 บาท พร้อมขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และพิเศษ รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ MG MAXUS 7 หรือรถรุ่นอื่น ๆ ของแบรนด์ MG สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว