NETA GT รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์สปอร์ตแบบ 2 ประตู 4 ที่นั่ง พร้อมให้ยลโฉมกันในงาน Motor Expo 2023 ก่อนจะเปิดตัวบุกตลาดรถยนต์ไทยในปีหน้า

NETA GT 660

NETA GT 580 AWD

NETA GT มี 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย NETA GT 660 กับ NETA GT 580 AWD โดยที่ทั้ง 2 รุ่นจะมากับมิติตัวถังที่ความยาว 4,715 มม., ความกว้าง 1,979 มม., ความสูง 1,475 มม. และ ระยะฐานล้อที่ 2,770 มม. โดยการออกแบบภายนอกของรถทั้ง 2 รุ่น จะมากับดีไซน์แบบรถสปอร์ตคูเป้ (ท้ายลาดที่มีกระจกบานหลังขนาดใหญ่) แบบ 2 ประตู 4 ที่นั่ง 
 

ในส่วนด้านหน้าจะไม่มีช่องกระจังหน้าเหมือนรถที่มีเครื่องยนต์ แต่จะมีช่องดักลมขนาดใหญ่มาแทนถึง 3 ช่อง ส่วนไฟหน้า-ไฟท้ายจะเป็นแบบ LED เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยสเกิร์ตรอบคัน และฝากระโปรงที่มีช่องลม นอกจากนี้ยังมีหลังคากระจก Panoramic Glass Roof, มือจับประตูไฟฟ้า, กระจกไฟฟ้าแบบไร้กรอบ 

และ ล้ออัลลอย 19 นิ้ว 245/45 R19 กับยาง Michelin Pilot Sport 4 High Performance (ส่วน NETA GT 580 AWD จะได้คาลิปเปอร์สีแดง) สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมให้ตัวรถมีการตอบสนองที่ดีตามหลักอากาศพลศาสตร์ 

ภายในห้องโดยสารของ NETA GT ทั้ง 2 รุ่น จะมากับ เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ต โดยเบาะคนขับขับปรับด้วยไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ส่วนเบาะผู้โดยสารปรับด้วยไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง อีกทั้งยังได้รับการตกแต่งภายในให้มีความสปอร์ต ตามจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งห้องโดยสาร 

ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลหน้า, คอนโซลกลาง ส่วนแผงแดชบอร์ดจะติดตั้งหน้าจอ Infotainment แบบ Ultra thin ขนาด 17.6 นิ้ว ที่ทำงานโดยระบบสัมผัส กับลำโพง 12 จุด ส่วนหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ขนาด 10.25 นิ้ว จะถูกติดตั้งหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D- Shape สำหรับระบบประมวลผล Smart Cockpit Platform จะใช้ชิป Qualcomm Snapdragon อีกทั้งรถรุ่นนี้จะมากับ ระบบออกตัวด้วย One-click (One-click Eject Button), ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ N95, รองรับการสื่อสารสัญญาณ 4G, ระบบสั่งการด้วยเสียง, ระบบนำทางแบบเรียลไทม์, ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และ ระบบควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันมือถือ

NETA GT จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยในรุ่น NETA GT 660 จะมากับมอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลัง 170 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 310 นิวตันเมตร โดยให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.5 วินาที ส่วนแบตเตอรี่จะมีขนาด 74.48 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ทำให้สามารถทำระยะทางวิ่งได้สูงสุดถึง 660 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน CLTC) โดยจะขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ส่วนรุ่น NETA GT 580 AWD จะมากับมอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงกว่าคือ 340 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 620 นิวตันเมตร ทำให้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 3.7 วินาที ส่วนแบตเตอรี่จะมีขนาดความจุมากกว่าอยู่ที่ 78 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ทำให้สามารถทำระยะทางวิ่งได้สูงสุดถึง 580 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) โดยจะขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD 

ส่วนเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยของ NETA GT ทั้ง 2 รุ่นย่อยนั้นจะมากับ ระบบช่วยเหลือในการขับขี่ NETA Pilot 2.5 กับระบบประมวลผล Journey 3, เรดาร์แบบ Millimeter wave radar 5 จุด, เรดาร์แบบอัลตราโซนิค 12 จุด, กล้องด้านหน้าแบบ High Perception, กล้องรอบคัน, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS, ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA, ระบบความคุมความเร็วอัจฉริยะ ICA, ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ขณะความเร็วสูง HWA, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB, ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA ฯลฯ นอกจากนี้ยังมากับ เทคโนโลยีระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Key), ระบบจ่ายกระแสไฟ V2L

พบกับ NETA V, NETA Kid, NETA GT, NETA GT Speedster และ NETA X ได้ที่งาน Motor Expo 2023 สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจาก NETA สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<