รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ส่ง Xpander เข้าสู่ตลาดรถยนต์ไทยเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2561 ที่ผ่านมา Xpander ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดรถยนต์อเนกประสงค์แบบ MPV โดยที่ทุกรุ่นย่อยมียอดจำหน่ายสะสมรวมกันแล้วมากกว่า 39,000 คัน โดยเป็นรถที่มีความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านการออกแบบและความทันสมัย ซึ่งเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่
ในปัจจุบัน Xpander มีให้เลือกเป็นรุ่น GLS-LTD, GT ถัดมาก็เป็นรุ่น CROSS ที่เพิ่มความสูงใต้ท้องรถจากเดิม 205 มม. เป็น 225 มม. ต่อจากนั้นก็เป็นรุ่น PASSION RED EDITION ที่ปล่อยออกมาเพื่อฉลอง 60 ปี ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย และล่าสุดก็คือรุ่น SPECIAL EDITION ที่ถือเป็นรุ่นล่าสุดของ Xpander แล้วมันต่างกันยังไงบ้างล่ะ
สิ่งหนึ่งที่ทุกรุ่นมีเหมือนกันก็คือเครื่องยนต์ โดยจะเป็นเครื่องยนต์รหัส 4A91 เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ MIVEC DOHC โดยจะมีความจุ 1.5 ลิตร ที่สามารถให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า/6,000 รอบต่อนาที กับแรงบิด 141 นิวตันเมตร/4,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
GLS-LTD
GT
สำหรับรุ่น GLS-LTD, GT จะได้ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์แบบฮาโลเจนพร้อมไฟหรี่ LED แบบคริสตัลโดย GT จะได้ไฟตัดหมอกคู่หน้า ส่วนไฟท้ายทั้ง 2 รุ่นจะเป็นแบบ LED แบบ L-Illuminum Tube LED สิ่งที่แตกต่างกัน คิ้วขอบกระจกประตูของ GLS-LTD จะเป็นสีดำ แต่ GT จะเป็นโครเมียม ส่วนมือจับประตูด้านนอก GLS-LTD จะเป็นสีเดียวกับตัวรถแต่ GT จะเป็นโครเมียม ส่วนเสาอากาศ GLS-LTD จะได้แบบเสาสั้น แต่ GT จะได้แบบครีบฉลาม
ส่วนภายในจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์ GT จะได้แบบ 4.2 นิ้ว TFT Color ส่วนมาตรวัดการขับขี่ของ GLS-LTD จะได้แบบมาตรฐาน ส่วน GT เป็นแบบ High Contrast และในรุ่น GT ยังได้หุ้มหนังให้กับพวงมาลัย, หัวเกียร์และเบรกมือ ในส่วนพวงมาลัยยังมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์รวมถึง Cruise Control บนพวงมาลัย ส่วนกุญแจจะได้แบบ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่ GLS-LTD จะได้กุญแจรีโมท ส่วนเครื่องเสียง GLS-LTD จะได้แบบ 2 DIN-วิทยุ CD และMP3 กับลำโพง 4 จุดแต่รุ่น GT จะได้หน้าจอสัมผัส ขนาด 6 นิ้วแทน กับลำโพง 6 จุด
ในส่วนของเบาะจะได้เบาะผ้าในตัว GLS-LTD ส่วน GT จะเป็นเบาะหนังและวัสดุสังเคราะห์ ส่วนความปลอดภัยทั้ง 2 รุ่นจะได้เหมือนกันเว้นแต่ GT จะได้ กล้องมองภาพด้านหลัง ขณะถอยจอดเพิ่มมา ส่วนล้อ GLS-LTD จะได้ล้อ 15 นิ้ว ส่วน GT จะได้ล้อ 16 นิ้ว
ส่วนรุ่น CROSS จะได้ไฟหน้าแบบ LEDมัลติรีเฟล็กเตอร์พร้อมไฟหรี่ โดยในรุ่นนี้จะมีราวหลังคา แผงตกแต่งข้างประตู และซุ้มล้อ แบบ CROSS Design สำหรับล้อจะได้ล้อ 17 นิ้ว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ นั้นแทบจะเหมือนรุ่น GT เลยทีเดียว
สำหรับรุ่น PASSION RED EDITION ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรุ่น GT แต่ได้รับการยกระดับพร้อมด้วยเอกลักษณ์ที่มีความแตกต่างจากรุ่นปกติทั่วไป โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี ที่ด้านข้างและที่ล้ออัลลอย แต่ภายในมีการเพิ่มที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือแบบไร้สายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ตลอดจนซองใส่กุญแจอัจฉริยะพร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี ที่แสดงถึงความพิเศษของรถยนต์รุ่นดังกล่าว
ส่วน SPECIAL EDITION เป็นรุ่นล่าสุดที่ตกแต่งด้วยอุปกรณ์สีดำ อาทิ กระจังหน้า, ชายกันชนหน้าและหลัง, กระจกมองข้าง, คิ้วขอบกระจกประตู, คิ้วตกแต่งชายกันชนข้าง, และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม อาทิ มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถพร้อมกรอบรองที่จับประตู, ที่ชาร์จมือถือแบบไร้สาย, ระบบความบันเทิงรุ่นใหม่พร้อมหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมติดตั้งสัญลักษณ์ XPANDER บนฝากระโปรงหน้า
สำหรับใครที่สนใจ Mitsubishi Xpander ก็มีราคาจำหน่ายตามนี้คือ GLS-LTD ราคา 789,000 บาท, GT ราคา 863,000 บาท, PASSION RED EDITION ราคา 870,000 บาท และ SPECIAL EDITION ราคา 879,000 บาท (เฉพาะสีขาว Quartz White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท)
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ Mitsubishi Xpander รุ่น GLS-LTD, รุ่น GT, รุ่น PASSION RED EDITION, รุ่น SPECIAL EDITION สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว