รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยหลังจากที่ Rêver Automotive (เรเว่ ออโตโมทีฟ) ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ได้แนะนำตัวรถพร้อมราคาคาดการณ์ของ DOLPHIN รถยนต์แฮทช์แบ็กพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 2 ของบริษัท ที่จะทำตลาดในไทย ซึ่งหลังจากความสำเร็จของ ATTO 3 ทำให้ผู้ที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า BYD นั้นมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทาง Rêver Automotive ก็ได้นำ DOLPHIN ไปจัดแสดงตามงานโชว์ต่าง ๆ รวมถึงจัดทดสอบให้สื่อต่าง ๆ ได้สัมผัสก่อนจะเปิดราคาอย่างเป็นทางการในที่สุด ซึ่งจะมี 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Standard Range และ Extended Range แต่ละรุ่นจะแตกต่างกันยังไงไปดูกัน
DOLPHIN มากับนิยาม "สุนทรียศาสตร์แห่งมหาสมุทร" ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก "โลมา" โดยภายนอกจะดูโค้งมนในด้านหน้า สอดรับกับไฟหน้าที่เป็น LED ดูสอดรับกับเส้นสายด้านข้าง จนถึงท้ายที่มีไฟท้ายโดดเด่นสะดุดตา ทำให้ดูโดยรวมรถคันนี้มีความโดดเด่นในทุกมิติ สิ่งที่แตกต่างของ 2 รุ่นนี้ก็คือ ขนาดยาง โดย Standard Range จะมากับ 205/50 R16 ส่วน Extended Range นั้นจะได้ยาง 205/50 R17 พร้อมโลโก้ BYD ที่ดุมล้อ ส่วนหลังคาจะได้ Panoramic Glass Roof และ สีภายนอกแบบ Two-Tone
ส่วนการออกแบบภายใน มีความกว้างขวาง ด้วยห้องโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง ตกแต่งคอนโซลด้วยลวดลายคลื่นสอดคล้องกันแรงบันดาลใจภายนอกที่เป็นโลมารับกับช่องแอร์ สอดรับกับมือจับเปิดประตูทรงครีบโลมา โดยมีการจำลองระบบสัญญาณเสียงแจ้งต่าง ๆ มาจากท้องทะเล
นอกจากนี้ ในรุ่น Extended Range จะมีความแตกต่างจาก Standard Range ตรงที่จะได้เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า (คนขับ 6 ทิศทาง, ผู้โดยสาร 4 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศ), กระจกไฟฟ้าแบบ One-Touch และที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ตัวเบาะเป็นแบบสปอร์ตพร้อมพนักพิงตามหลักสรีรศาสตร์
ส่วนพื้นที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถสามารถจัดเก็บกระเป๋าเดินทาง ขนาด 30 นิ้ว ได้ 1 ใบ และขนาด 20 นิ้ว ได้ 2 ใบ โดยเบาะโดยสารด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ให้ความยืดหยุ่นในการบรรจุสัมภาระ ส่วนระบบแอร์จะมีระบบกรองอากาศ PM 2.5 พร้อม CN95 Filter ให้มาด้วย
DOLPHIN ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มาจาก BYD Blade Battery โดยขนาดความจุที่แตกต่างกัน โดย Standard Range จะมีขนาดความจุอยู่ที่ 44.9 กิโลวัตต์/ชั่วโมง กับกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 70 กิโลวัตต์ ให้แรงบิดถึง 180 นิวตันเมตร ทำให้มีระยะทางการวิ่งสูงสุด (ตามมาตรฐาน NDEC) อยู่ที่ 410 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจะสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 12.3 วินาที
ส่วนรุ่น Extended Range จะมีขนาดความจุอยู่ที่ 60.48 กิโลวัตต์/ชั่วโมง กับกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์ ให้แรงบิดถึง 310 นิวตันเมตร ทำให้มีระยะทางการวิ่งสูงสุด (ตามมาตรฐาน NDEC) อยู่ที่ 490 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจะสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 7 วินาที ซึ่งทั้ง 2 รุ่นจะมากับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมาพร้อมด้วยหัวชาร์จ AC Type 2 ขนาด 7 กิโลวัตต์ และพอร์ตชาร์จ DC ขนาด 60 และ 80 กิโลวัตต์ ตามลำดับ ทำให้การชาร์จแบตเตอรี่จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 29 นาที
ส่วนของเทคโนโลยีอย่างที่ทราบ BYD ได้คิดค้นนวัตกรรม BYD Blade Battery ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เป็นเอกสิทธิ์ของทางแบรนด์ ซึ่งมีความมาตรฐานความปลอดภัย ด้วยโครงสร้างการจัดเรียงเซลล์แบตเตอรี่รูปทรงคล้ายใบมีด ซึ่งผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยมาอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ DOLPHIN ถูกพัฒนาบน e-Platform 3.0 ที่เพิ่มประสิทธิภาพการให้พลังงาน 20% และลดปริมาณการใช้พื้นที่และน้ำหนักลงถึง 10% ทั้งยังมีเทคโนโลยี Vehicle to Load (VtoL) ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2,000 วัตต์ ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้ และระบบ Follow Me Home ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยหลังจากจอดรถ และระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) เพิ่มความปลอดภัยสูงสุด เสริมด้วยระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำให้การขับขี่ระยะทางไกลที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
โดยทาง Rêver Automotive ได้มอบสิทธิพิเศษ Rêver Care ให้กับ DOLPHIN ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการหลังการขาย นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE เพื่อร่วมกันสร้าง RÊVERCHARGER ในทุกภาคของไทย และยังดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จในพื้นที่อยู่อาศัย เช่น คอนโด, หมู่บ้าน, ห้างสรรพสินค้า, ปั๊มน้ำมัน และโชว์รูม BYD
ผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของ DOLPHIN สามารถออกรถด้วยงบเพียง 35,000 บาท หรือรับดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.88%, ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. ระยะเวลา 1 ปี, การรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่ระยะเวลา 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงระยะเวลา 8 ปี, สายต่อพ่วง VtoL และสายชาร์จฉุกเฉิน, ค่าจดทะเบียนรถ, พรมเข้ารูป+กรอบป้ายทะเบียน+ฟิล์มหน้าจอ และ สิทธิ์ในการซื้อโฮมชาร์จเจอร์พร้อมการติดตั้งเพียง 25,000 บาท (จากราคา 35,000 บาท)
สำหรับราคาของ BYD DOLPHIN นั้นจะแบ่งออกเป็น (ราคาหลังจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ)
ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ BYD DOLPHIN ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Standard Range หรือ Extended Range สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว