รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!

QRCODE

ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที

เริ่มประเมินวงเงิน

หรือ

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลย

คิดจะซื้อ Camry แต่มีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย เทียบชัดๆ รุ่นไหนให้อะไรบ้าง?

โตโยต้า ได้แนะนำ Camry รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ออกสู่ตลาดรถยนต์เมืองไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาโดยมากับคำขวัญที่ว่า "The New CAMRY… The Absolute Perfection ความสมบูรณ์แบบที่เป็นคุณ" โดยมีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 2.5 HEV Premium Luxury และ รุ่น 2.5 HEV Premium และอีก 2 รุ่นที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน ได้แก่ รุ่น 2.5 Premium และ รุ่น 2.5 Sport แล้วทีนี้จะเลือกรุ่นไหนดี เราเลยจะมาชี้ให้ดูว่ารุ่นไหนได้อะไรกับขาดอะไรไปบ้าง

เราจะมาเริ่มกันด้วยรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินรหัส A25A-FKB ขนาด 2.5 ลิตร Dynamic Force ที่ให้อัตราเร่งเต็มพลังตอบสนองได้ดั่งใจ แต่คงไว้ซึ่งอัตราประหยัดน้ำมัน โดยให้กำลัง 209 แรงม้า โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 15.6 กิโลเมตร/ลิตร โดยจะอยู่ในรุ่น 2.5 Premium และ รุ่น 2.5 Sport ทีนี้เราจะมาเจาะรายละเอียดกันว่ามันต่างกันตรงไหน

โดยในรุ่น 2.5 Sport ที่มีราคา 1,475,000 บาท

จะมีอุปกรณ์ภายนอกจะเป็นเพียงรุ่นเดียวที่จะได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ด้วยความที่เป็นรุ่นเริ่มต้นจึงเป็นรุ่นเดียวที่ไม่มีหลังคามูนรูฟ ส่วนไฟหน้าและหลังจะได้ LED โดยจะมี Daytime Running Light ในไฟหน้าด้วย แถมยังมีไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ส่วนด้านหลังจะมีไฟเบรกดวงที่ 3 กับไฟตัดหมอกหลังมาด้วย ส่วนท่อไอเสียจะเป็นแบบคู่ ส่วนอุปกรณ์ภายในในรุ่นนี้จะได้แอร์อัตโนมัติแบบ 2 โซน (ปรับอิสระแยกซ้าย, ขวา) ส่วนวัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังและวัสดุสังเคราะห์ แต่รุ่นนี้จะไม่สามารถปรับพนักพิงศรีษะผู้โดยสารด้านหน้าลงได้

มาดูกันต่อที่มาตรวัดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในรุ่นนี้

จะได้ ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home และระบบ Push Start & Smart Entry, กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ และที่ขาดไม่ได้คือม่านบังแดดผู้โดยสารตอนหลัง ส่วนหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID ขนาด 7 นิ้ว, เบรกมือไฟฟ้า, ระบบหน่วงเบรกอัติโนมัติ และ Wireless Charger ด้านระบบความปลอดภัยถึงแม้ว่า Camry จะจัดมาให้อย่างเต็มที่แต่ในรุ่นนี้จะไม่ได้ ถุงลมตรงด้านข้างเบาะหลัง กับระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ หรือ Intelligent Clearance Sonar, กล้องมองรอบคัน, ระบบช่วยเบรกขณะถอยรถ, ระบบควบคุมไฟสูงอัติโนมัติ, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้่อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน, ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ซึ่งเหล่านี้คือสิ่งที่รุ่นนี้ถูกตัดออกไป ส่วนเครื่องเสียงจะได้หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว กับลำโพง 6 จุด

ขยับมาดูที่รุ่น 2.5 Premium ราคา 1,599,000 บาท

ในรุ่นนี้จะขยับมาใช้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และที่สำคัญตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไปจะได้หลังคามูนรูฟ ส่วนอุปกรณ์ภายในในรุ่นนี้จะได้วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังแบบ Smooth Leatherและวัสดุสังเคราะห์ แต่ในรุ่นนี้จะได้ปุ่มปรับไฟฟ้าเบาะผู้โดยสารด้านหน้าบริเวณข้างพนักพิงและพนักพิงศรีษะผู้โดยสารก้านหน้าแบบพับลงต่ำได้ ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสิ่งที่รุ่นนี้จะได้เพิ่มขึ้นมาก็คือปุ่ม Paddle Shift และระบบบันทึกตำแหน่งของเบาะนั่งของผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง

ในรุ่นนี้ยังมีให้เลือกระบบการขับขี่ได้ด้วยนั่นคือ Eco, Normal และ Sport ด้านระบบความปลอดภัยจะมีสัญญาณกะระยะเพิ่มเข้ามาในด้านหน้าอีก 2 จุด และระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ และยังมีระบบช่วยเบรกขณะถอยรถ และตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไปจะได้ Cruise Control แบบ All-Speed Dynamic Radar Cruise Control และระบบลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง, ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน, ระบบช่วยเตือนเมื่อเมื่อยล้าขณะขับขี่

ขยับมาที่รุ่นไฮบริดอย่าง รุ่น 2.5 HEV Premium Luxury ราคา 1,809,000 บาท และ รุ่น 2.5 HEV Premium ราคา 1,659,000 บาท

โดย 2 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์รหัส A25A-FXS ที่จะผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้า กับ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร Dynamic Force ทำงานร่วมกันอัตโนมัติ ให้การตอบสนองเต็มกำลัง และเกียร์ E-CVT ขีดสุดแห่งพลังขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อความทนทานและประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม โดยเครื่องยนต์ให้กำลัง 178 แรงม้า ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 88 กิโลวัตต์ เมื่อรวมทั้งระบบจะได้กำลังสูงสุดถึง 211 แรงม้า ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 23.8 กิโลเมตร/ลิตร

ในส่วนอุปกรณ์ภายนอกทั้ง 2 รุ่นนี้จะได้วัสดุตกแต่งกระจังหน้า และกรอบตักหมอกแบบโครเมียม และคิ้วฝาท้ายโครเมียม ส่วนอุปกรณ์ภายในรุ่น 2.5 HEV Premium จะได้คล้ายๆ กับรุ่น 2.5 Premium ส่วนรุ่น 2.5 HEV Premium Luxury จะได้แอรร์อัตโนมัติแบบ 3 โซน และที่สำคัญรุ่นนี้จะได้ ปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และด้านคนขับ

แต่สิ่งที่รุ่นนี้จะได้เพิ่มเติมกว่ารุ่นอื่นคือ เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนไฟฟ้า และที่สำคัญรุ่นนี้จะได้ที่วางแขนพร้อมแผงควบคุมแบบดิจิตอล ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวก รุ่น 2.5 Premium จะได้พวงมาลัยปับไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง

ส่วนรุ่น 2.5 HEV Premium Luxury จะได้เบาะนั่ง Seat Ventilator คู่หน้า ที่สำคัญ คู่นี้เป็นรถระบบไฮบริดแน่นอนอยู่แล้วจะต้องมีระบบ EV Drive และในรุ่น 2.5 HEV Premium จะมีหน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่ และ ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe ส่วนระบบความปลอดภัยในรุ่น 2.5 HEV Premium Luxury จะมีการเพิ่มถุงลมบริเวณหัวเข่าฝั่งคนขับ และมีกล้องมองรอบคัน ส่วนระบบเครื่องเสียงรุ่นนี้จะได้จอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมลำโพง JBL 9 จุด

จากข้อมูลข้างต้น คุณต้องมาคำนวณดูแล้วว่าจะเลือกรุ่นที่เป็นไฮบริด หรือเครื่องยนต์เบนซิน ถ้าต้องการความสะดวกสบายขั้นสุดคงต้องเลือกไปที่ 2.5 HEV Premium Luxury แต่ถ้าต้องการประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยมก็ต้องเลือกรุ่น 2.5 HEV Premium แต่ถ้าต้องการรถที่ให้อัตราเร่งเต็มพลังตอบสนองได้ดั่งใจ แต่คงไว้ซึ่งอัตราประหยัดน้ำมันที่น่าประทับใจก็ต้องเลือกรุ่น 2.5 Premium แต่ถ้าอยากประหยัดก็จบที่รุ่น 2.5 Sport สำหรับผู้ที่มองหาความคุ้มค่า ที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครันในราคาที่จับต้องได้ เพราะคุณสามารถเลือกซื้อชุดแต่ง Modellista ในราคาเพียง 41,000 บาท ซึ่งสามารถติดตั้งได้กับ Camry ได้ทุกรุ่น รายละเอียดตามลิงก์ด้านล่างนี้

  • รุ่น 2.5 Sport ราคา 1,475,000
  • รุ่น 2.5 Premium ราคา 1,599,000 
  • รุ่น 2.5 HEV Premium Luxury (Hybrid) ราคา 1,809,000 
  • รุ่น 2.5 HEV Premium (Hybrid) ราคา 1,659,000 

สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของรถ The New Camry สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่  >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<

บทความแนะนำ

swiper-arrow-prev
swiper-arrow-next
ขอสินเชื่อ จัดเลย!
กลับสู่ด้านบน