รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยการออกแบบภายนอกของ MINI Cooper SE ใหม่ ในเจเนอเรชันที่ 5 นี้ ได้นำดีไซน์ดีเอ็นเอดั้งเดิมของความเป็น MINI ต่อยอดด้วยรูปลักษณ์ใหม่ในแบบมินิมอล ซึ่งตัวถังได้รับการออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ความมินิมอลเห็นได้จากมือจับประตูที่กลมกลืนกับพื้นผิวของตัวรถ เช่นเดียวกับซุ้มล้อและขอบด้านข้างรถที่เสมอกับผิวตัวถังรอบคัน ทำให้รถดูมีขนาดใหญ่ขึ้น
ในขณะที่ด้านหน้าของรถยังคงโดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลม และยังสามารถสะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ได้ด้วยโหมดไฟซิกเนเจอร์ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Favoured และ JCW พร้อมกับกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมโฉมใหม่ที่ขับเน้นความสปอร์ตจากกรอบสีเงิน Vibrant Silver นอกจากยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.28 เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน
ส่วนด้านท้ายสวยสะอาดตา มีสัดส่วนและเส้นสายของตัวรถที่ดูทรงพลัง และคาดกลางด้วยแถบสีดำแนวนอนบริเวณกึ่งกลางฝากระโปรงท้าย ส่วนล้อนั้นใช้อลูมิเนียมรีไซเคิล ขนาด 18 นิ้ว แบบ Slide spoke ในดีไซน์ทูโทน พร้อมกับชุดแต่ง Favoured Trim
ห้องโดยสาร MINI Cooper SE ใหม่ ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความเรียบง่ายและความยั่งยืนควบคู่กัน โดยแผงหน้าปัด แผงประตู และฝาปิดช่องเก็บของต่าง ๆ ภายในรถล้วนผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 90%
ส่วนเบาะนั่งสไตล์สปอร์ต Vescin สีน้ำเงิน Nightshade ซึ่งเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์แบบใหม่ที่นำมาใช้แทนหนัง ซึ่งเป็นการเลือกใช้วัสดุที่ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความสวยงามและคุณภาพที่ยอดเยี่ยม
ส่วนพื้นผิวหน้าแผงคอนโซลหุ้มด้วยผ้าถักลายตารางแบบทูโทน ในขณะที่กล่องเก็บของที่บุด้วยผ้าถักจากวัสดุพิเศษ พร้อมสายผ้าสำหรับใช้ช่วยเปิดที่เก็บของให้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
หน้าจอ MINI Interaction Unit ทรงกลมขนาดใหญ่ที่แผงคอนโซลด้านหน้า ซึ่งเป็นจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูง โดยส่วนบนของหน้าจอจะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น ความเร็วรถและสถานะแบตเตอรี่ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของจอแสดงผลทรงกลมยังสามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง, เพลง และความบันเทิงอื่น ๆ รวมถึงฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อต่าง ๆ หน้าจอ OLED ยังเป็นหัวใจสำคัญของโหมดการใช้งาน MINI Experience ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ และเติมสีสันให้กับทุกเส้นทางได้ตามใจชอบ ด้วย 7 โหมดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป
Green Mode จะตั้งค่ารถเป็นโหมดการขับขี่แบบมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อเพิ่มระยะทางการขับขี่สูงสุด ขณะที่หน้าจอและระบบไฟส่องสว่างจะมาในสีเขียวนวลตา
นอกเหนือจาก 3 โหมดหลักนี้ MINI Interaction Unit ยังมาพร้อมกับบุคลิกและลูกเล่นที่โดดเด่นมากขึ้นในอีก 4 โหมด
นับตั้งแต่ความสามารถในการซิงค์แสงไฟภายในกับภาพปกอัลบั้มของเพลงที่กำลังเล่นใน Vivid Mode จากการใช้เทคโนโลยีลูกเล่นสี Color Grabber และการรองรับภาพพื้นหลังที่เลือกเองได้ใน Personal Mode ไปจนถึงการสะท้อนภาพประวัติศาสตร์สุดคลาสสิกของ MINI ใน Timeless Mode หรือบรรยากาศความเรียบง่าย สงบ สบายใน Balance Mode นอกจากนี้ ระบบ Head-up Display ก็ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสำคัญของตัวรถได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนอีกด้วย
ส่วนด้านล่างของหน้าจอ MINI Interaction Unit ซึ่งติดตั้งอยู่บนคอนโซลด้านหน้า ผู้ขับจะได้พบกับแผงควบคุม Toggle Bar ดีไซน์ใหม่ ที่หวนคืนมาจากมินิรุ่นคลาสสิก ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ ในการขับขี่ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ทั้งเบรกมือ สวิตช์เลือกเกียร์ สวิตช์หมุนสตาร์ท/ดับเครื่อง สวิตช์สลับโหมด MINI Experience หรือปุ่มการควบคุมระดับเสียงเพลง
ครบครันด้วยเทคโนโลยีที่มีใน MINI Cooper SE ใหม่ คือผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ MINI Intelligent Personal Assistant ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย พร้อมตอบสนองทุกคำสั่ง เพียงออกเสียงเรียกว่า “Hey MINI!” หรือจะเลือกกดปุ่มสั่งการด้วยเสียงบนพวงมาลัย ซึ่งนอกจากแค่การรับคำสั่งยังสามารถปรากฏตัวทักทายคุณบนหน้าจอ MINI Interaction Unit ในรูปของรถ MINI หรืออัปเกรดให้เป็นน้องหมา Spike เทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9
แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์บนพื้นฐานของ Android Open Source Project (AOSP) เพื่อให้ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส แสดงผลด้วยภาพกราฟิกเคลื่อนไหวที่สวยงามในทุกหน้าจอ และทำงานร่วมกับฟังก์ชันอื่น ๆ ได้หลากหลาย เช่น เชื่อมต่อกับแพ็คเกจ MINI Navigation ขณะขับขี่เพื่อช่วยนำทางด้วยระบบคลาวด์ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายแบบ 5G ในตัว และยังสามารถแสดงภาพสามมิติเพื่อช่วยนำทางผ่านจุดเลี้ยวที่ซับซ้อนได้อย่างมั่นใจ ส่วน MINI Connected Store ยังมอบแอปพลิเคชันที่หลากหลาย ครบครันทั้งแอปเพื่อการใช้งานและความบันเทิง รวมถึงเกม แอปสตรีมเพลงและวิดีโอ แถมมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงฟังก์ชันจอดรถอัตโนมัติอย่าง Parking Assistant
และแพ็กเกจ Driving Assistant ซึ่งสามารถเลือกอัปเกรดเป็น Driving Assistant Plus ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ โดยลูกค้าสามารถเลือกสมัครได้ในแบบ 1 เดือน 1 ปี 3 ปี และตลอดอายุการใช้งาน ส่วนฟีเจอร์กุญแจรถดิจิทัล MINI Digital Key Plus ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอีกระดับ ด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอชให้เป็นกุญแจรถ ซึ่งสามารถเปิดใช้งาน Welcome Light ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของรถอยู่ในระยะ 3 เมตรจากตัวรถ และสามารถปลดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเดินเข้ามาในระยะ 1.5 เมตร รวมไปถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่งพร้อมจะออกเดินทาง นอกจากนี้ยังสามารถส่งต่อ Digital Key ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย
MINI Cooper SE ใหม่ เปิดตัวมาในราคา 1,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็กเกจบำรุงรักษา MSI Standard 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง) โดยมี 6 สีให้เลือก ได้แก่ Blazing Blue, Nanuq White, Melting Silver ที่มาพร้อมกับหลังคาสีดำ Jetblack และ British Racing Green, Sunny Side Yellow, Chili Red II ที่ให้ลูกค้าเลือกหลังคาดำ Jetblack หรือสีขาว Glazed White และยังมากับข้อเสนอพิเศษ
สำหรับลูกค้าที่จอง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://minionlinesales.com/ และมีกำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 จะได้รับแพ็คเกจ MINI Connected ฟรี 1 ปี*
ลูกค้าที่จอง และทำสัญญาทางการเงินกับ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม โดยมีกำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 รับข้อเสนอผ่อนต่อเดือนเริ่มต้น 11,555 บาท/เดือน*
สำหรับลูกค้าเก่าและลูกค้าปัจจุบันที่มีสัญญาทางการเงินกับ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย เมื่อจองและทำสัญญาทางการเงินกับ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม โดยมีกำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 รับข้อเสนอขยายแพ็คเกจรับประกัน MINI Extended Protect (Extended warranty) สูงสุด 2 ปี (มูลค่ารวม 25,970 บาท)*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ MINI Contact Center 1397
นอกจากนี้ยังมี MINI Countryman SE ใหม่ ในราคา 3,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็กเกจบำรุงรักษา MSI Standard 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง) เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของตระกูล Countryman ที่มาพร้อมกับเอกลักษณ์ด้านการออกแบบใหม่ล่าสุด ในปรัชญาเดียวกับ MINI Cooper SE ใหม่ แต่ผสานความโดดเด่นของรถยนต์แบบออฟโรดอเนกประสงค์ รถยนต์สำหรับครอบครัว และความสนุกสนานของประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้มลพิษเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวในคันเดียว
MINI Countryman SE ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ได้รับการปรับแต่งให้ส่งพละกำลังสูงสุดถึง 230 กิโลวัตต์ / 313 แรงม้า ส่งแรงบิดสูงสุด 494 นิวตันเมตร สู่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ ALL4 ที่สามารถเร่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 5.6 วินาที และยังทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ได้รับการยกระดับความจุให้เป็น 66.45 กิโลวัตต์/ชั่วโมง พร้อมรองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC กำลังไฟ 11 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบกระแสตรง DC สูงสุดที่ 130 กิโลวัตต์ และมีระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 432 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)
MINI Countryman SE ใหม่ สืบทอดบุคลิกที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ด้วยพื้นผิวตัวถังที่เฉียบคม แต่ยังคงกลิ่นอายขององค์ประกอบด้านการออกแบบสุดคลาสสิก ทั้งช่วงล้อหน้าและฝากระโปรงหน้าที่สั้น ตัดกับฐานล้อที่ยาว ขนาดมิติตัวถังและฐานล้อมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า โดดเด่นด้วยกระจังหน้ารูปทรงแปดเหลี่ยมดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟหน้า LED และระบบปรับเปลี่ยนรูปแบบแสงไฟตามโหมด Signature ต่าง ๆ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลาย Windmill Spoke ดีไซน์ทูโทน โดดเด่นด้วยหลังคาในสีใหม่ Vibrant Silver พร้อม Panorama Glass Roof เข้ากับกรอบกระจังหน้า ฝาครอบกระจกข้าง ล้อ เสา C รวมถึงชิ้นส่วนภายนอกอื่น ๆ ในสีเดียวกัน
ภายในของ MINI Countryman SE ใหม่ มาในปรัชญาการออกแบบใหม่เช่นเดียวกับ MINI Cooper SE ใหม่ โดยบริเวณแผงแดชบอร์ดหุ้มด้วยผ้าถักในสี Dark Petrol รับกับเบาะ John Cooper Works Sport Seats สี Vintage Brown มาพร้อมระบบเสียง Harman Kardon surround sound เพื่อความบันเทิงที่เต็มอิ่มในทุกการเดินทาง
MINI Countryman SE ใหม่ ยังมาพร้อมองค์ประกอบหลักและฟีเจอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกับใน MINI Cooper SE ใหม่ อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผล OLED ทรงกลม MINI Interaction Unit โหมดการใช้งาน MINI Experience ที่มีอีกหนึ่งโหมดพิเศษเพิ่มมาจาก 7 โหมด คือ โหมด Trail ที่เน้นความเร้าใจสำหรับสายแอดเวนเจอร์ มาพร้อมฟังก์ชันอย่าง เข็มทิศ และกราฟฟิกต่าง ๆ ในระบบ Navigation เสริมฟีลลิ่งแบบออฟโรด
MINI John Cooper Works Countryman ใหม่ ราคา 3,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็กเกจบำรุงรักษา MSI Standard 3 ปี หรือ 60,000 กม.) พิเศษเพียง 5 คัน ที่ผสมผสานสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลังในเข้ากับจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย
MINI John Cooper Works Countryman ใหม่ มากับขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 233 กิโลวัตต์ / 317 แรงม้า ส่งแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ ALL4 มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.26 เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการขับบนท้องถนนหรือเส้นทางออฟโรด ส่งผลให้เร่งความเร็วถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 5.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายนอกของ MINI John Cooper Works Countryman ใหม่ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่สปอร์ตและดุดัน สะท้อนให้เห็นจุดเด่นทั้งด้านสมรรถนะและความอเนกประสงค์ของตัวรถ กับไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมแถบไฟแนวนอนอันเป็นเอกลักษณ์จากโหมด JCW Signature ช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับรูปลักษณ์ของรถยนต์แบบ Sports Activity Vehicle ส่วนกระจังหน้าดีไซน์ใหม่รูปทรงแปดเหลี่ยมที่ตกแต่งด้วยสีดำ High-gloss Black และโลโก้ JCW ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ช่วยเสริมให้ดีไซน์มีความทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความมินิมอลที่ทั้งเรียบง่ายแต่โดดเด่น สะกดทุกสายตาบนท้องถนน
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมสีตัวถังสีพิเศษ Legend Grey ซึ่งตัดกันอย่างโดดเด่นกับหลังคาสีแดง Chili Red ที่มาพร้อมกระจก Panorama และกระจกมองข้างสีแดงที่บ่งบอกถึงคาแรคเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้
ในขณะที่ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลาย John Cooper Works Flag Spoke ในแบบทูโทน ส่วนท้ายรถยังมาพร้อมกับไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ในโหมด JCW Signature สอดรับกับตัวถังด้านหลังทรงตั้งตรงที่ช่วยตอกย้ำถึงความกว้างของตัวรถ
ภายในห้องโดยสารของ MINI John Cooper Works Countryman ใหม่ ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อตอกย้ำถึงความกว้างขวางและโอ่อ่า ตกแต่งด้วยสีแดงและสีดำบริเวณคอนโซล แผงประตู และเบาะนั่งแบบสปอร์ต ที่หุ้มด้วยหนังวีแกน Vescin และเนื้อผ้า ผสมผสานกันออกมาอย่างลงตัวและสะท้อนถึงจิตวิญญาณรถแข่ง
โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับเก็บได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุดตั้งแต่ 505-1,530 ลิตร ยังมาพร้อมกับหน้าจอกึ่งกลางคอนโซลแบบ OLED ทรงกลม ความละเอียดสูง อันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI เจเนอเรชันที่ 5
และ MINI Aceman SE ใหม่ ที่ยังไม่ประกาศราคา โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 นี้ โดยจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาด 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เช่นเดียวกับ MINI Cooper SE ใหม่ แต่จะสามารถเร่งความเร็ว ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลา 7.1 วินาที ทั้งยังทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีระยะทางขับขี่สูงสุดที่ 405 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC กำลังไฟ 11 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลา 5.45 ชั่วโมง และการชาร์จแบบกระแสตรง DC สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ ที่ทำความเร็วในการชาร์จจาก 10-80% ได้ในเวลา 31 นาทีเท่านั้น
MINI Aceman SE ใหม่ พกพาทั้งความคล่องตัวของครอสโอเวอร์ขนาดเล็กด้วยความยาวตัวรถเพียง 4.07 เมตร แต่ยังเพียบพร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอยสำหรับทุกสถานการณ์แบบรถ 5 ที่นั่ง ปรัชญาการดีไซน์ยังคงความเรียบง่ายแต่มากสเน่ห์เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ในเจเนอเรชันใหม่ แต่มีองค์ประกอบที่ไม่ซ้ำใครอย่างรูปทรงไฟหน้า การออกแบบเส้นสายบริเวณซุ้มล้อ กราฟิกไฟท้ายเฉพาะสำหรับรุ่น Aceman รวมถึงการออกแบบชิ้นส่วนกรอบสีดำบริเวณกันชนท้ายช่วยตอกย้ำเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น
ส่วนการออกแบบภายใน ยังเน้นย้ำประสบการณ์ดิจิทัลล้ำสมัยผ่านจอ OLED ทรงกลมเช่นเดียวกับมินิรุ่นอื่นๆ พร้อมแผง Toggle Bar และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบครบครัน
ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ MINI Cooper SE และรุ่นอื่น ๆ สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<
MINI เร่งเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ลุยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในเจเนอเรชันที่ 5 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กับดีไซน์สไตล์มินิมอลที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ ด้วยความสนุกบนท้องถนนกว่า 60 ปี โดย Cooper SE ใหม่ ในราคา 1.699 ล้านบาท แล้วยังเปิดตัวอีก 2 รุ่นในตระกูล Countryman สำหรับสายสปอร์ตผจญภัยและยังได้เผย Aceman SE ใหม่ สมาชิกใหม่ของ MINI ในรูปแบบคอมแพกต์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผสมผสานการขับขี่ "Go-Kart feeling"
MINI Cooper SE
MINI Cooper SE ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมกำลังระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด กับการขับขี่ในรูปแบบ Electrified Go-Kart ที่ผ่านการเสริมสมรรถนะมาอย่างรอบด้าน ส่งกำลัง 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า และแรงบิด 330 นิวตันเมตร โดยให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.7 วินาที ทั้งยังทำงานผสานกับช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัว ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำจากตำแหน่งการติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงขนาด 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
ในพื้นรถรองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ในขณะที่การชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จจาก 10-80% ในเวลาเพียงไม่ถึง 30 นาที นอกจากนี้ แบตเตอรี่ยังรองรับการตั้งค่าการชาร์จต่าง ๆ เช่น เวลาชาร์จ ระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการ และอื่น ๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่จากหน้าจอมือถือผ่าน MINI App ส่งผลให้รถมีความสามารถในการยึดเกาะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ฐานล้อที่ยาวขึ้น พร้อมสำหรับการเดินทางที่ระยะทางสูงสุด 402 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP)
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว