รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยในข่าวที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าของ Honda เราจะได้เห็นชื่อรุ่น e:NY1 กับ e:NS1 และ e:NP1 ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น e:N1 แต่ตัวอักษร Y, N และ P นั้นมาจาก บริษัทที่ขาย หรือ ภูมิภาคที่ขาย
e:NS1
e:NP1
e:NY1
โดย e:NS1 กับ e:NP1 นั้นเป็นรถที่อยู่ในตลาดจีน โดย e:NS1 จะเป็นของ Dongfeng Honda ส่วน e:NP1 เป็นของ GAC Honda ส่วน e:NY1 จะเป็นรถรุ่นเดียวกันแต่จะแตกต่างตรงสเปคที่เป็นของตลาดยุโรป แต่ทั้งหมดก็คือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น e:N1 เหมือนกันนั่นเอง ที่ได้รับการพัฒนาบนแนวคิดที่มีผู้คนเป็นศูนย์กลาง หรือ Human-Centered Development ที่เน้นการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกอันเป็นเอกลักษณ์ของ Honda เพื่อให้ทุกการเดินทางราบรื่นและนุ่มนวล พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและใช้งานง่าย
Honda e:N1 ได้รับการออกแบบที่จะสะท้อนความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โดยจะมากับระยะด้านหน้า Overhang สั้น ล้อขนาดใหญ่และฐานที่กว้าง เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจในสไตล์รถเอสยูวี ส่วนไฟหน้าก็ดูโฉบเฉี่ยว, กระจังหน้าที่มีผิวสัมผัสเรียบ ผสานเข้ากับเส้นสายรอบคันอย่างกลมกลืนอย่างเส้นสายของ LED แนวยาวใต้แนวฝากระโปรงที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า, ไฟท้ายได้รับการออกแบบให้ไฟเลี้ยว, ไฟเบรก และไฟถอยหลังอยู่ในชุดโคมเดียวกัน พร้อมเส้นไฟท้ายที่ยาวเต็มพื้นที่ ช่วยให้ดีไซน์ด้านหลังดูกว้าง
ด้านช่องชาร์จไฟอยู่หลังแผงกระจังหน้าบริเวณตรงกลาง ทำให้สามารถชาร์จไฟได้สะดวกจากทั้งสองฝั่งของตัวรถ โครงสร้างของ e:N1 ใช้โครงสร้างเดียวกับ HR-V ที่ยังคงเส้นสายการออกแบบเอาไว้ ด้วยความสูง 1,584 มม. กว้าง 1,790 มม. ยาว 4,387 มม. ระยะฐานล้อ 2,607 มม. พร้อมด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แต่ e:N1 จะมาพร้อมกับสัญลักษณ์ H Mark สีขาว ที่ด้านหน้า, ล้อ และพวงมาลัย
ด้านการออกแบบภายในของ Honda e:N1 มุ่งเน้นในเรื่องของความสะดวกสบายและการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เพื่อทำให้ห้องโดยสารมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย พร้อมปรับผังที่นั่งใหม่ให้รองรับสรีระ และยังจัดวางแผงหน้าปัดให้อยู่ในระดับต่ำลง ไม่บดบังสายตา เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้มีทัศนวิสัยที่ดี และการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ก็สะดวกสบายจากการออกแบบคอนโซลกลางใหม่ให้มีการจัดวางปุ่มเกียร์เข้ากับสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า ในตำแหน่งที่คนขับจะเอื้อมถึงได้ง่าย รวมทั้ง Wireless Charging
หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว ช่วยให้เข้าถึงระบบ Infotainment ต่าง ๆ ได้ง่าย นอกจากนี้ ระบบยังรองรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมถึง Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto พร้อมด้วยฟังก์ชัน Wi-Fi ในรถยนต์ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อได้ทุกที่ การอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air ที่สามารถอัปเดตฟังก์ชันและแอปต่าง ๆ ได้จากระยะไกล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถจะได้รับการอัปเดตการทำงานของระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอโดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ พร้อมด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว
ส่วนเบาะนั่งด้านหน้าได้รับการพัฒนาโดยมุ่งเน้นความสะดวกสบายและหรูหรา โดยวัสดุหุ้มเบาะมีให้เลือกแบบหนังสังเคราะห์ ส่วนสีจะขึ้นอยู่กับสีภายนอก โดยออกแบบให้ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยว
ส่วนเบาะนั่งด้านหลัง ก็ให้มาแบบกว้างขวาง พร้อมช่องปรับอากาศได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ ให้อากาศหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยความเป็นรถอเนกประสงค์ e:N1 จึงมาพร้อมฟังก์ชันความอเนกประสงค์ต่าง ๆ
และพื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างคล่องตัว โดยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายสามารถจุสัมภาระได้สูงสุด 361 ลิตร และหากพับเบาะลงจะเพิ่มขึ้นเป็น 801 ลิตร เมื่อบรรทุกถึงแนวหน้าต่างด้านหลัง และได้สูงสุดที่ 1,176 ลิตร เมื่อนำสัมภาระใส่จนเต็มพื้นที่ด้านหลังจนชนเพดานห้องโดยสาร
ด้านการขับเคลื่อนของ Honda e:N1 จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบส่งกำลัง ที่มีน้ำหนักรวมกันเพียง 77.4 กก. โดยติดตั้งอยู่บนเพลาหน้า โดยเป็นมอเตอร์สมรรถนะสูง 150 กิโลวัตต์ ที่ให้ประสิทธิภาพการส่งพลังได้ถึง 92% ให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร โดยสามารถออกตัวจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.6 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุดได้ที่ 160 กม./ชม. โดยจะมากับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 68.8 kWh ที่ติดตั้งใต้พื้นตัวรถ ทำให้วิ่งได้ไกลสูงสุด 412 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) และชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ 10-80% โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที เมื่อใช้ที่ชาร์จแบบ DC ต่อเข้ากับหัวชาร์จ CCS ซึ่งสามารถรชาร์จไฟเพื่อวิ่งต่อได้อีก 100 กม. ภายในเวลา 11 นาทีเท่านั้น สำหรับที่ชาร์จไฟบ้านแบบ AC จะสามารถชาร์จไฟ 10-80% ของความจุได้ภายในเวลา 6 ชั่วโมง ด้วยการวางแบตเตอรี่แบบนี้ทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและมวลน้ำหนักมารวมกันที่จุดเดียว ทำให้มีการยึดเกาะถนนดีขึ้น รวมทั้งสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์โดยรวมดีขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนภายนอกเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ โหมด Sport, Normal และ Econ ช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกรูปแบบการขับขี่ที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง
ในส่วนของเทคโนโลยีใน Honda e:N1 จะมีทั้งระบบความปลอดภัยแบบ passive และ active เพื่อปกป้องความเสียหายจากอุบัติเหตุ และช่วยเหลือผู้ขับขี่ด้วย Honda SENSING รุ่นล่าสุดที่มีการปรับประสิทธิภาพของกล้องและโซนาร์ โดยกล้องหน้ามุมกว้างถึง 100 องศา (แนวนอน) ผสานกับชิปประมวลผลภาพความเร็วสูง ที่ให้ความแม่นยําในการจับวัตถุเมื่อใช้ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรกพร้อมด้วยเทคโนโลยีเชิงป้องกันอื่น ๆ และระบบเซนเซอร์โซนาร์ 12 จุดรอบคันรถ แบ่งเป็น 4 จุดที่บริเวณกันชนหน้าและหลัง และด้านข้าง ข้างละ 2 จุด ที่สามารถตรวจจับวัตถุ เช่น อาคาร และพาหนะอื่น ๆ ด้วยความแม่นยําสูง เมื่อกล้องและโซนาร์ทำงานร่วมกันก็เพื่อยกระดับความปลอดภัยโดยรวม ทำให้สามารถระบุสัญลักษณ์บนพื้นถนนและริมถนนที่ไม่มีเส้นได้ ซึ่งรวมถึงรถจักรยานยนต์ นักปั่นจักรยาน และยานพาหนะอื่น ๆ นอกจากนี้ก็ยังมี ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ และในรถรุ่นนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขณะรถติด ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการขับด้วยความเร็วต่ำในสภาพการจราจรติดขัด โดยจะช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติตั้งแต่ความเร็ว 0 กม./ชม. และเมื่อการจราจรไม่ติดขัด จะมีการเปลี่ยนมาเป็นระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถที่ความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ซึ่งเป็นเกณฑ์ความเร็วที่ต่ำกว่าระบบทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยอ่านป้ายสัญญาณจราจรที่ทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ เป็นต้น
ในขณะนี้ Honda e:N1 ยังไม่มีจำหน่ายในไทย แต่ในจีนและยุโรปจะมาพร้อมสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีใหม่ สี Aqua Topaz พร้อมด้วยสีขาวแพลทินัม, สีดำคริสตัล, สีเทา Urban Grey และสีแดง Vermilion Red และมีข้อมูลอัปเดตมาว่าการทำตลาดในไทยไม่น่าจะทันในปี 2023 นี้แน่นอนแล้ว โดยเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ Honda รุ่นอื่น ๆ ที่มีจำหน่ายในไทยก็สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<
Tags: newcar , honda , passenger , bev/ev , 2023
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว