เมื่อต้องซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ควรดูอะไรบ้าง ?

1. สไตล์หรือแบบรถ

ที่ผ่านมาการใช้มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าอาจเป็นเรื่องของการรักษ์โลก ลดคาร์บอน แต่ปัจจุบันการเลือกใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์เริ่มมองคล้ายกันที่ เพอฟอร์มานซ์, อรรถประโยชน์ รวมไปถถึงสไตล์รถตามการขี่ เช่น ทัวร์ริ่ง, แอดเวนเจอร์ และใช้งานเดินทางในชีวิตประจำวัน ดังนั้นคุณเลือกได้ว่าจะซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพื่อไว้เดินทางไปทำงาน ขี่ในเมือง หรือว่าอื่น ๆ

2. ระยะทางที่วิ่งได้

ตรงตัวและสำคัญกับระยะทางจริงที่วิ่งได้ไกลต่อการชาร์จเต็ม อาจเป็นค่าโดยประมาณเพราะมีตัวแปรหลายอย่างเช่น สภาพอากาศ, การจราจร, ลักษณะเส้นทาง, น้ำหนักผู้ขี่รวมไปถึง

ไม่ใช่แค่ตัวแปรเหล่านี้ ต้องนึกถึงเส้นทางที่ไปเป็นแบบไหน ถนนในเมือง ชานเมือง มีจุดชาร์จบริการไหมด้วย อย่าลืมว่าตัวเลขระยะทางที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ในสเปค กับความเป็นจริงต่างกันเสมอ จนเมื่อเราได้ลองขี่ใช้งานเองจึงจะรู้ค่าเฉลี่ยที่ใกล้เคียงจริง ๆ

3. พลังและแรงบิด

นับเป็นตัวเลขสำคัญในการบอกถึงความแตกต่างของกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าของเครื่องยนต์ กับกิโลวัตต์ของมอเตอร์ไฟฟ้าเทียบเคียงกันได้โดยคูณ 1.34 ก็จะทำให้เรามองถึงความแรงได้ง่าย แรงบิด ยิ่งมากยิ่งสะท้อนถึงอัตราเร่งที่ดีตาม ด้านความเร็ว การทำความเร็วสูงสุดอาจไม่สำคัญเท่ากับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ความแตกต่างของพลังและแรงบิดมักเห็นชัดจากราคาตัวรถ

4. ระยะเวลาชาร์จและสถานี

เวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตฯ ให้เพียงพอต่อการใช้งานเดินทางต่อถึงจุดหมายหรือเต็ม ควรเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ซึ่งสำคัญพอ ๆ กับระยะทางที่ทำได้ต่อการชาร์จเต็ม

แบตเตอรี่ในมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นแบบบิ้วอิน แบ่งประเภทได้ดังนี้

• เลเวล 1 – ชาร์จด้วยไฟ 120 โวลต์ ซึ่งช้ามากใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงขึ้นไปต่อการชาร์จเต็ม
• เลเวล 2 – ชาร์จด้วยไฟ 240 โวลต์ ชาร์จไฟได้เร็วกว่าแบบแรกหลายชั่วโมง ส่วนใหญ่มักไม่เกิน 3 ชั่วโมง 

แบบชาร์จเร็ว CSS (DC Fast Charge/Combined Charging System) –  แค่ 45 นาที ก็ชาร์จได้ถึง 80% แล้ว อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ก็ต้องมีการติดตั้งเครื่องชาร์จแบบวอลล์ไทป์ไว้ที่บ้านเพื่อความมั่นใจในการใช้งานแต่ละวัน เว้นว่าวันไหนคุณต้องออกนอกเส้นทางหรือมีการเดินทางเพิ่มเติมก็ต้องแพลน หาสถานีชาร์จตามปั้มไว้ล่วงหน้า

5. อายุแบตเตอรี่

ต้องยอมรับว่าแบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และมันมีอายุการใช้งานซึ่งนับเป็นจำนวนครั้งต่อการรีชาร์จ แม้แบตเตอรี่จะมีอายุที่ต้องเปลี่ยน แต่ก็นั้นก็เป็นแค่ส่วนสำคัญอย่างเดียวของการเซอร์วิสมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่เหมือนเครื่องยนต์ที่ต้องมีหลายส่วนให้ต้องปรับ เปลี่ยน ตามระยะเวลา รวมไปถึงการเปลี่ยนของเหลวต่าง ๆ ตามกำหนด สัญญานที่เริ่มบอกว่าแบตเตอรี่เริ่มใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนก็คงไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนที่แบตฯ เริ่มหมดไวขึ้น หรือดูจากตัวเลขสุขภาพแบตฯ ที่คิดเป็น %

ตัวอย่างรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (EV Bike) ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในบ้านเรา แม้ว่าทางฝั่งแบรนด์เจ้าตลาดอย่าง Yamaha จะเปิดตัว Yamaha E01 มาตั้งแต่ปี 2019 แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะนำเข้ามาทำการตลาดในไทย เช่นเดียวกับทาง Honda ที่ยังไม่มีรุ่นรถใด ๆ ออกมาให้ยลโฉม แต่ก็ได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่ากำลังสุ่มพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และวางเป้าเปิดตัวรถรุ่นใหม่ภายในปี 2025 ส่วนใครที่กำลังพิจารณารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าล้วน 100% หรือ EV Bike อยู่ สำหรับในบ้านเราตอนนี้ก็มีตัวเลือกเด่น ๆ ที่น่าสนใจอยู่บ้างเช่นกัน ได้แก่

1. SUPER SOCO รุ่น TC MAX รถ EV Bike ทรงเน็คเก็ตที่มาพร้อมกับมอเตอร์กำลังขับ 3,900w มอบกำลังสูงสุด 5,000w พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร เทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์สันดาปพิกัด 110 ซีซี วิ่งทำความเร็วสูงสุดได้ 100 กม./ชม. พร้อมกับระยะทาง 140 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง สำหรับ SUPER SOCO TC MAX มาพร้อมตัวเลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่

• รุ่น TC MAX-S ราคา 170,000 บาท
• รุ่น TC MAX-A ราคา 167,000 บาท

2. ETRAN MYRA มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 7,000 W ทำความเร็วสูงสุดได้ 120 กม./ชม. พร้อมแรงบิด 150 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7 วินาที สามารถทำระยะทางไกลสุดที่ 180 กิโลเมตร ต่อการเปลี่ยนแบต หรือการชาร์จ 1 ครั้ง สำหรับ ETRAN MYRA สามารถถอดสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ของตัวรถได้ทันทีไม่ต้องรอชาร์จไฟ ซึ่งในปัจจุบันสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ ETRAN นั้น มีกระจายอยู่ 14 จุดทั่วกรุงเทพฯ และตัวรถมาพร้อม 3 ตัวเลือก ได้แก่

• รุ่น ZERO ราคา 79,800 บาท
• รุ่น Plus 1 ราคา 124,800 บาท
• รุ่น Plus 2 ราคา 163,800 บาท

3. THOMAS S - 2000 รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ขนาด 2000W มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Lithium managnate 70V 30AH สามารถวิ่งได้ไกล 70 - 90 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และทำความเร็วได้สูงสุด 80 กม. / ชม. ในระยะการชาร์จเพียงแค่ 2-3 ชม. สำหรับรุ่นนี้มาพร้อมราคาที่เบาลงกว่า 2 รุ่นแรก คือ 79,900 บาท

4. LYVA S30 Plus โดดเด่นด้วยรูปทรงโค้งมน พร้อมด้วยโหมดความเร็วได้ 3 ระดับ ทำความเร็วได้สูงสุด 85 กม. / ชม. วิ่งไกลด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 72V30AH ใช้เวลาในการชาร์จ 3 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ ระยะทาง 80-100 กม. สัญญาณกันขโมยควบคุมด้วยรีโมท รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 2 ปี ราคาจำหน่ายปกติ 81,000 บาท

5. H SEM Wings โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Luxury มาพร้อมมอเตอร์ DC 72V ประสิทธิภาพสูงขนาด 3,000 วัตต์ จาก BOSCH แบตเตอรี่จาก Samsung ขนาด 72V30Ah ด้วยระบบการจัดการแบตเตอรี่แบบ BMS ระยะเวลาชาร์จ 4 ชม. ความเร็วสูงสุด 70 กม. / ชม. ระยะทางสูงสุด 140 กม. กับราคาเพียงแค่ 95,700 บาท

6. NIU NQiGT Sport สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ตอบสนองความเร็วได้มากกว่า ไม่ว่าจะเดินทางถนนในเมืองที่คดเคี้ยว หรือโลดแล่นไปตามถนนสายหลักก็ทำได้อย่างง่ายดาย NQiGT Sport ในโหมดสปอร์ต สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้การเดินทางในเมืองเร็วขึ้นกว่าที่เคย NQiGT Sport มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าของ BOSCH 3500W ทำความเร็วได้สูงสุด 70 กม. / ชม.  วิ่งได้ไกลสุด 110 กม. ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 154,000 บาท

7. H SEM MOBILA S อิสระทุกความรู้สึก ไปกับการขับขี่ที่ไร้ขีดจำกัด ด้วยมอเตอร์ DC 72V ประสิทธิภาพสูงขนาด 3,000 วัตต์ จาก BOSCH เร้าใจด้วยความเร็วสูงสุดถึง 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมกับฟังก์ชั่นโหมดปรับความเร็วได้ถึง 2 ระดับ คือ โหมด High & Low เลือกปรับได้ตามความเหมาะสม อัตราค่าใช้จ่าย (ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง) มาในราคาจำหน่าย 88,900 บาท

8. Zongshen Ryuka ELECTRIC CUTE มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีกำลังมอเตอร์ 800W กักเก็บไฟไว้ในแบตเตอรี่ 72 V 20 Ah. ใช้ระยะเวลาในการชาร์จ 0 - 100% เพียง 6 - 8 ชั่วโมง และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 50 กม. / ชม. วิ่งได้ระยะทางไกล 55 - 65 กม. เปิดตัวและวางจำหน่ายมาด้วยราคา 33,900 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<