รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยเรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัวพร้อมเคาะราคาจำหน่าย SEAL รถยนต์ไฟฟ้านำเข้ารุ่นที่ 3 ในไทย โดยจะมากับ 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Dynamic, Premium และ AWD Performance มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.325 ล้านบาท
โดยภายนอก SEAL เป็นรถยนต์ไฟฟ้าใน BYD OCEAN SERIES ที่มีดีไซน์สปอร์ต ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวจากความสวยงามของศิลปะแห่งท้องทะเล พร้อมเส้นสายรอบตัวถังที่ช่วยทำให้รถรุ่นนี้ดูสวยงาม โดยจะมีขนาดตัวรถอยู่ที่ ยาว 4,800 มม., กว้าง 1,875 มม. และสูง 1,460 มม.
โดยช่วงหน้ารถแบบ X-SHAPED DESIGN ที่มีไฟหน้า LED แบบ Double-U Floating ที่ออกแบบให้บาง และ ลดแรงต้านอากาศ ทำให้ไฟหน้าเพรียวบางขึ้น ส่วนไฟท้ายเป็น LED แบบชิ้นเดียว ประกอบด้วยไฟรูปหยดน้ำเรียงเป็นชั้น
ด้านฝากระโปรงหน้าเพิ่มความสะดวกสบายด้วยโช้คอัพ พร้อมช่องเก็บของด้านหน้าที่มีความจุถึง 50 ลิตร และฝากระโปรงท้ายจะเป็นระบบไฟฟ้า ที่มาพร้อมระบบป้องกันการหนีบอัจฉริยะ ตั้งระดับความสูงได้ตามความต้องการ ถัดมาจะเป็นกระจกมองข้างทรงหยดน้ำที่มีระบบปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง, มือจับประตูที่เก็บซ่อนไปกับตัวรถด้วยระบบไฟฟ้าที่ช่วยลดแรงต้าน
เปิดวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่ากับหลังคากระจกพาโนรามิก 2 ชั้น เคลือบด้วย Silver-plated ช่วยให้การส่องผ่านแสงไม่เกิน 4.2% แสงแดดส่องผ่านได้ไม่เกิน 16% ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตรม. ให้มุมมองที่กว้าง ทอดยาวทั้งห้องโดยสาร พร้อมดีไซน์ไฟ LED ด้านท้ายที่ล้ำสมัย แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งท้องทะเล และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว 235/45/19 ในรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE และ 18 นิ้ว 225/50/18 ในรุ่น Dynamic
ด้านการออกแบบภายในของ SEAL จะเป็นสีดำ ที่มีความหรูหรา, สปอร์ต, กว้างขวาง และ สะดวกสบาย ด้วยเบาะนั่งทรงสปอร์ต เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง มีระบบระบายอากาศ และ ระบบอุ่นเบาะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ในทุกรุ่น ส่วนระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ + เบาะนั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ท และเบาะนั่งหุ้มหนังแบบ Courtesy ฝั่งคนขับมีระบบปรับดันหลังได้ 4 ทิศทาง จะมีเฉพาะในรุ่น Premium และ AWD PERFORMACE
SEAL ใช้ e-platform 3.0 ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะรถไฟฟ้าของ BYD ที่มาพร้อมกับเทคโนโยลีการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Cell To Body (CTB) พื้นที่เพิ่มขึ้นมิติความสูงและขนาดตัวรถเท่าเดิม แต่พื้นที่เบาะนั่งเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทนทานต่อการบิดตัว ชุดประกอบโครงสร้างแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้สามารถปิดผนึกเข้าได้โดยตรงกับโครงสร้างรถยนต์อย่างลงตัว เพื่อให้ประสิทธิภาพการปิดผนึก และ การเสริมความแข็งของตัวพื้นฐานใต้โครงสร้างรถยนต์เพิ่มขึ้น โดยเบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง สามารถปรับพับแยกได้แบบ 40/60
ส่วนระบบความบันเทิงของ SEAL จะมากับหน้าจอสัมผัส(หมุนได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน) ขนาด 15.6 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay สำหรับอุปกรณ์ iOS หรือ Android Auto สำหรับอุปกรณ์ Android และระบบเครื่องเสียง Premium acoustics มาพร้อมชุดลำโพง 12 ตัว HIFI Dynaudio Audio พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่อยู่หลังพวงมาลัยแบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว
ในด้านการขับเคลื่อนของ BYD SEAL จะเป็นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ในรุ่น Dynamic จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลัง 150 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Blade Battery ขนาด 61.44 kWh โดยจะขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 7.5 วินาที ทั้งยังมีระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 510 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
ส่วนรุ่น Premium จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลัง 230 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 360 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Blade Battery ขนาด 82.56 kWh โดยจะขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 5.9 วินาที ทั้งยังมีระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 650 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
และ AWD PERFORMANCE จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า Asynchronous Motor ให้กำลัง 160 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 310 นิวตันเมตร คู่หลัง Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลัง 230 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 360 นิวตันเมตร รวมกำลังสูงสุด 390 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 670 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Blade Battery ขนาด 82.56 kWh โดยจะขับเคลื่อนสีล้อแบบ AWD สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 3.8 วินาที ทั้งยังมีระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 580 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
ด้านเทคโนโลยีที่อัดแน่นอยู่ใน SEAL ก็จะมีอยู่มากมาย เช่น การควบคุมด้วยเสียง โดยไม่จำเป็นต้องขยับมือ, ที่วางชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 2 ช่อง, ระบบกรอง PM2.5, ฟังก์ชั่น VTOL, กล้องมองรอบคัน 360 องศา ที่มีความคมชัดสูง, Head UP Display หรือ ระบบแสดงผลบนกระจกหน้าที่มีในรุ่น Premium และ AWD PERFORMANCE, ระบบเรดาห์แบบ Millimeter-Wave 5 ตำแหน่ง กล้องด้านหน้าสำหรับระบบ ADAS 1 ตำแหน่ง และระบบช่วยเหลืออีกมากมาย อาทิ ระบบช่วยแจ้งเตือนการคาดการณ์การชนล่วงหน้า, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา, ระบบช่วยเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ ฯลฯ
สำหรับ SEAL จาก BYD จะมาพร้อม 3 รุ่นย่อย ซึ่งจะมีราคาดังนี้ (โดยจะมี REVER CARE รวม 11 รายการ มูลค่ากว่า 230,000 บาท ให้กับลูกค้าไปด้วย)
ทั้งนี้ BYD SEAL พร้อมให้คุณสัมผัสและทดลองขับแล้วตั้งแต่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา ที่โชว์รูม BYD ทั่วประเทศมากกว่า 65 โชว์รูม โดยจะส่งมอบได้ทันทีภายในเดือนกันยายน 2566 จำนวน 1,782 คัน และภายในเดือนตุลาคม 2566 จำนวน 2,952 คัน ผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของของ BYD SEAL ไม่ว่าจะเป็นรุ่นย่อยไหนสามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว