รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!

QRCODE

ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที

เริ่มประเมินวงเงิน

หรือ

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลย

BMW ส่งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น i4 ทำตลาดด้วยกัน 2 รุ่น คือ M50 และ eDrive40 M Sport

BMW ส่งรถยนต์ไฟฟ้าลงแข่งในตลาดรถยนต์เมืองไทยด้วย BMW i4 โดยเป็นรถในรูปทรง Gran Coupe 4 ประตู ที่มีความกว้างขวางภายในตัวรถเข้ากับการใช้งานจริง ประกอบกับดีไซน์อันโดดเด่นรวมถึงคุณสมบัติหลากหลายที่ทำให้การเดินทางไกลอุ่นใจยิ่งขึ้น อีกสิ่งที่ถูกสะท้อนให้เห็นก็คือความพรีเมียมในระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยีแชสซีที่ถูกพัฒนา นอกจากนี้ ระบบควบคุมและระบบปฏิบัติการ BMW iDrive รุ่นใหม่

BMW i4 M50

อย่างที่ทราบกันว่า BMW i4 เป็นรถที่มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าโดยให้ความสำคัญกับสมรรถนะการขับขี่ โดยทาง BMW i4 ก็มี 2 รุ่นย่อย ออกมาให้เป็นทางเลือก นั่นคือ BMW i4 M50 ที่จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวบริเวณเพลาหน้าและด้านหลังของรถ

ทำให้สามารถส่งพลังได้ถึง 400 กิโลวัตต์ หรือ 544 แรงม้า สามารถทำระยะวิ่งได้สูงสุดถึง 521 กิโลเมตร ตามมาตรฐานทดสอบ WLTP ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 225 กิโลเมตร ทั้งยังมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาที ยังให้แรงบิดสูงสุดที่ 795 นิวตันเมตร (อัตราการใช้ไฟฟ้ารวม 22.5 - 18 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม / กิโลเมตร)

อีกรุ่นคือ BMW i4  eDrive40 M Sport

โดยในรุ่นนี้จะมากับระบบขับเคลื่อนล้อหลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 250 กิโลวัตต์ หรือ 340 แรงม้า ทำให้มีระยะวิ่งสูงสุดถึง 590 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 190 กิโลเมตร ทั้งยังมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายใน 5.7 วินาที   (อัตราการใช้ไฟฟ้ารวม 19.1 – 16.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กิโลเมตร)

ในเรื่องของการออกแบบ BMW i4 ถูกออกแบบให้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในด้านการขับขี่แบบสปอร์ตและความสามารถในการทำระยะทาง ด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่ทรงประสิทธิภาพ โดยเน้นเรื่องน้ำหนักให้เบาช่วยเสริมสมรรถนะให้ปราดเปรียวยิ่งขึ้น และระยะทางขับขี่ที่ทำได้ไกลยิ่งกว่า โดยไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก

ประกอบกับเทคโนโลยีของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และประสบการณ์ที่ยาวนานในการพัฒนารถยนต์ระดับพรีเมียมสไตล์สปอร์ต นี้เองที่ทำให้รถรุ่นนี้มีความคล่องแคล่วปราดเปรียว แต่ยังขับได้อย่างง่ายดายแม้ขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย และการควบคุมที่แม่นยำ โดย BMW i4 ได้รับการติดตั้งระบบ BMW lconicSounds Electric ที่จะมาพร้อมกับเสียงอันทรงพลังที่ตอบสองในจังหวะการเร่งเครื่องซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเสียงประกอบต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ผ่านความร่วมมือระหว่าง BMW และ Hans Zimmer นักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 ประกอบด้วยแบตเตอรี่แรงดันสูงพร้อมด้วยเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุด โดยมีความจุพลังงานแบตเตอรีแรงดันสูงที่ 83.9 กิโลวัตต์ / ชั่วโมง สามารถชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC) สูงสุดได้ที่ 205 กิโลวัตต์ ใช้เวลาประมาณ 31 นาที ในการชาร์จไฟจาก 10 – 80%

ตัวรถในส่วนของด้านหน้าดูสั้นลง ทั้งยังมีประตูพร้อมหน้าต่างแบบไร้ขอบ และหลังคาท้ายลาดที่ออกแบบมาอย่างโฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับรถ Coupe ส่วนระบบไฟหน้าจะเป็น BMW Laserlight ผสานกระจังหน้าทรงไตคู่ที่มาพร้อมกับกล้องที่แฝงตัวอยู่ภายใน เซ็นเซอร์แบบเรดาร์และอัลตราโซนิก

โดยตัวรถ BMW i4 M50 ยังตกแต่งภายนอกด้วยวัสดุคาร์บอนดีไซน์ M พร้อมชุดแต่งวัสดุสีดำเงา BMW Individual, คาลิเปอร์เบรก M Sport สีแดงเงา และโคมไฟหน้าสีดำ โดยภายในตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และยังมาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke แบบสลับสี

ในขณะที่ BMW i4 eDrive40 M Sport มาพร้อมชุดแต่ง M Sport ภายนอกตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมแบบด้าน ภายในตกแต่ง ด้วยอะลูมิเนียมลาย Rhombicle Anthracite พร้อมแถบโครเมี่ยม และล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Y-Spoke แบบสลับสี

ภายในห้องโดยสารเน้นการใช้งานสำหรับผู้ขับขี่ พร้อมพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ฝาท้ายขนาดใหญ่ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานมาพร้อมกลไกการเปิดและปิดแบบอัตโนมัติ โดยที่เก็บสัมภาระท้ายรถมอบความจุที่ 470 - 1,290 ลิตร, เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่ง, แผงหน้าปัดรถยนต์หุ้มหนัง Sensatec เบาะนั่งบุหนังแท้ Vernasca, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน, ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon, จอแสดงผล iDrive ระบบควบคุมและระบบปฏิบัติการเจเนอเรชั่นใหม่ถูกนำมาติดตั้งเป็นครั้งแรกใน i4

และระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 ใหม่ล่าสุด โดยเน้นที่การใช้งานหน้าจอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display และการสั่งการด้วยเสียงผ่านระบบผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant ที่ถูกพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ระบบผู้ช่วยส่วนตัวดิจิทัลยังมาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ ๆ และการใช้ภาพกราฟิกแบบใหม่เพื่อสื่อสารกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารบนรถอีกด้วย ระบบ Remote Software Upgrades ยังช่วยอัปเกรดให้ซอฟต์แวร์ของรถยนต์ยังคงทันสมัยอยู่เสมอ

หลากหลายระบบตัวช่วยถูกติดตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกสบายและยกระดับความปลอดภัย โดยไฮไลท์สำคัญใน BMW i4 M50 คือระบบช่วยการขับขี่รุ่น Professional และระบบ Sport Boost

ในขณะ BMW i4 eDrive40 M Sport โดดเด่นด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop&Go และระบบช่วยการขับขี่ รถยนต์ทั้งสองรุ่นย่อยมาพร้อมกับระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง

สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของรถ อยากรู้ว่าวงเงินประเมินเบื้องต้นที่ใช้ออกรถ เราจะได้เท่าไหร่ ลองมาเช็คกันก่อนที่ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท คลิกที่นี่

 

บทความแนะนำ

swiper-arrow-prev
swiper-arrow-next
ขอสินเชื่อ จัดเลย!
กลับสู่ด้านบน