รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยDENZA เป็นแบรนด์ที่พัฒนาและขับเคลื่อนโดย BYD 100% มาตั้งแต่ปี 2023 มีความโดดเด่นในการหลอมรวมเทคโนโลยี และความหรูหราเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ผ่านการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น
DENZA D9
รถครอสโอเวอร์ (DENZA N7), รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (DENZA N8), รถแฮทช์แบ็กทรงสปอร์ตระดับพรีเมียม (DENZA Z9 GT) และรถตู้อเนกประสงค์ (MPV) อย่าง DENZA D9 ที่คว้ายอดจองและยอดขายมากกว่า 250,000 คัน (ในจีน ปี2023) สำหรับตลาดประเทศไทย DENZA อยู่ภายใต้การดูแลของ เรเว่ ออโตโมทีฟ โดย DENZA D9 จะเป็นโมเดลแรกที่เข้ามาทำตลาดในไทย 2 รุ่นย่อย นั่นคือ Premium และ Performance AWD
DENZA D9 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ e-Platform 3.0 ที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ที่จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ 8 in 1และ BYD Blade Battery ที่มีความจุ 103.36 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สำหรับรุ่น Premium นั้นจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว (ขับเคลื่อนล้อหน้า) ให้กำลัง 230 กิโลวัตต์ แรงบิด 360 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 9.5 วินาที มีระยะทางวิ่งสูงสุด 600 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC) แต่ในรุ่น Performance AWD นั้น จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD) ให้กำลัง 275 กิโลวัตต์ แรงบิด 470 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.9 วินาที มีระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC)
ทั้ง 2 รุ่น รองรับการชาร์จกระแสสลับ (AC) กำลังสูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส) และรองรับการชาร์จกระแสตรง (DC) แบบ CCS2 - กำลังสูงสุด166 กิโลวัตต์
DENZA D9 ทั้ง 2 รุ่น จะมากับมิติตัวถังที่มีความยาว 5,250 มิลลิเมตร, กว้าง 1,960 มิลลิเมตร, สูง 1,920 มิลลิเมตร, รัศมีวงเลี้ยงแคบสุด 5.95 เมตร, ความสูงใต้ท้องรถรวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุดอยู่ที่ 140 มิลลิเมตร จะมีความจุสัมภาระด้านท้ายที่ 410 ลิตร และขยายได้สูงสุดถึง 2,310 ลิตร เพลิดเพลินกับการเดินทางที่ราบรื่นกว่าที่เคยด้วยระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C เทคโนโลยีช่วงล่างแบบไฟฟ้าที่รองรับการปรับแต่งความกระด้าง และความนุ่มนวลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
อีกทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมรถ ลดปัญหาการยุบตัวของตัวรถ การพลิกคว่ำ การเกิดแรงกระชากเมื่อเบรกหรือเหยียบคันเร่ง (ในรุ่น Performance AWD) ส่วนรุ่น Premium ติดตั้งระบบกันสะเทือน ปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD
ด้านการออกแบบภายนอก หรูหรา สะกดทุกสายตาด้วยแนวคิด DENZA π - Motion ที่สะท้อนความโมเดิร์น และความหรูหราของแบรนด์ด้วยดีไซน์ด้านหน้ารถแบบ Pi Motion พร้อมด้วยไฟหน้า LED รูปแบบ Meteor Arrow ที่มาพร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และกระจังหน้าแบบฝนดาวตกสีเงิน
ส่วนไฟท้าย LED ออกแบบด้วยแนวคิดฝนดาวตกแห่งกาลเวลา พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential ด้านประตูไฟฟ้าคู่สำหรับผู้โดยสารด้านหลังที่เสริมด้วยยางเก็บเสียงคุณภาพสูง เพื่อให้ห้องโดยสารเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ก็ยังมีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC), ระบบหน่วงเวลาการปิดไฟหน้า (Follow-Me-Home) และระบบไฟส่องมุมอับสายตา LED เมื่อเปิดไฟเลี้ยวหรือหมุนพวงมาลัย เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ
DENZA D9 ด้วยความเป็นลักชัวรี่ MPV ที่ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อมอบที่สุดแห่งประสบการณ์การเดินทางอันหรูหรา ด้วยห้องโดยสารที่ทันสมัยผ่าน VIP Cockpit จำนวน 3 แถว รวม 7 ที่นั่ง โดยในรุ่น Performance AWD จะบุเพดานด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม ส่วนรุ่น Premium จะเป็นแบบผ้า ส่วนประตูผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าจะเป็นแบบผ่อนแรงปิด
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับซันรูฟพร้อมม่านบังแดด สำหรับห้องโดยสารด้านหน้า และหลังคากระจกขนาด 1.1 ตารางเมตร พร้อมม่านบังแดดเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และยังมีระบบแสงไฟสร้างบรรยากาศแบบมัลติคัลเลอร์ พร้อมโหมดต่าง ๆ มาต่อกันที่หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว แบบ 3 มิติ
ส่วนผู้โดยสารก็จะมีระบบมัลติมีเดียเพื่อความบันเทิงภายในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 15.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ รวมถึงรองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ แบบไร้สาย ระบบเครื่องเสียงพรีเมียมแบบ Hi-Fi Class Dynaudio พร้อมลำโพง 14 ตำแหน่ง สำหรับรุ่น Performance AWD เสริมด้วยระบบแสดงผลบนกระจกหน้า ขนาด 12 นิ้ว (W-HUD) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
ตัวเบาะหุ้มหนังแท้ Nappa เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ เบาะนั่งโดยสารแถวที่สอง ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางพร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง โดยเบาะที่นั่งทั้งสองแถวมาพร้อมระบบนวดไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และระบบจดจำตำแหน่งเบาะนั่งโดยสารแถวที่สอง
หน้าจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชัน บริเวณที่พักแขนแถวที่สองสำหรับควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ อย่างง่ายดาย โดยเบาะนั่งยังมาพร้อมกับพนักพิงศีรษะที่สามารถปรับระดับสูงต่ำ การปรับทรงให้เข้ากับสรีระศีรษะได้ 2 ทิศทางสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและปรับทรงให้เข้ากับสรีระศีรษะ 4 ทิศทาง
สำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง เสริมความสะดวกสบายด้วยตู้เย็นภายในรถที่มีความจุ 7.5 ลิตร ที่ปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -6 จนถึง 50 องศา ที่วางแก้วรอบคัน 12 ใบ ครอบคลุมทุกที่นั่ง ด้านระบบปรับอากาศแบบอิสระ 3 โซน พร้อมระบบกรองอากาศ IONIZER ระบบกรองฝุ่น PM2.5 แบบประสิทธิภาพสูง (CN95) และยังมีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 3 จุด (กำลังสูงสุด 50W), แหล่งจ่ายไฟรอบคัน 7 จุด (12V และ ช่อง USB - C และ USB - A อย่างละ 1 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า, USB - C 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง และช่อง USB - C 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารแถวที่สาม
DENZA D9 ยังมาพร้อมความโดดเด่นของเทคโนโลยีอีกมากมาย เพื่อการขับขี่อัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็น กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุรอบคัน 8 ตำแหน่ง รวมถึงเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครันสำหรับทุกเส้นทาง
ระบบการป้องกันอุบัติเหตุก่อนจะเกิดการชน Active Safety อาทิ ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ, ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า, ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า, ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน, ระบบช่วยกระจายแรงเบรกอัจฉริยะ, ระบบช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ
อุปกรณ์ความปลอดภัยหลังจากการชนเกิดขึ้น Passive Safety อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้าฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้างฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารแถวที่สองและม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง - ฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ผู้โดยสารแถวที่สอง และ ผู้โดยสารแถวที่สาม
ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ อาทิ ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน, ระบบช่วยแจ้งเตือนอันตรายจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่, ระบบควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน, ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุรอบคัน 8 จุด, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา, ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู, ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร, ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า, ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง
และยังมีรองรับการตอบสนองคำสั่งเสียงอิสระ 4 โซน, ระบบ Keyless Entry และ Keyless Start, ระบบควบคุมการสตาร์ทรถยนต์ระยะไกล, ระบบควบคุมการเปิดแอร์ล่วงหน้าระยะไกล, รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 4G, รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต, กุญแจดิจิตอล NFC ที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์ของคุณเป็นกุญแจอัจฉริยะ และระบบกุญแจแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ NFC
DENZA D9 เปิดราคาจำหน่าย 2 รุ่นย่อย ได้แก่
Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท
Premium ราคา 1,999,000 บาท
โดยเป็นราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น และสำหรับผู้ที่จองรถ DENZA D9 Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้งเพิ่มอีกด้วย
แบรนด์ DENZA ถึงจะเป็นแบรนด์น้องใหม่แต่ เรเว่ ออโตโมทีฟ ก็จับมือตัวแทนจำหน่ายเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการเพื่อนำเสนอบริการระดับพรีเมียม ให้กับลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ รวมจำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ประกอบด้วย
กรุงเทพมหานคร 3 แห่ง ได้แก่ สาธุประดิษฐ์ เพชรบุรีตัดใหม่ และศรีนครินทร์
ต่างจังหวัด 7 แห่ง ได้แก่ ระยอง ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต
ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ DENZA D9 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Performance AWD หรือรุ่น Premium สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<
Tags: newcar , denza , passenger , bev/ev , 2024
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว