รู้วงเงินก่อนออกรถ ผ่านมือถือ
กับกรุงศรี ออโต้
พร้อมสตาร์ท
สแกนเลย!
ประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
รู้ผลใน 3 นาที
หรือ
ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ
เคยประเมินแล้ว ดูวงเงินเลยท่ามกลางความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถ EV ซึ่งได้รับการอุดหนุนจากการทำ MOU หรือบันทึกข้อตกลงกับกรมสรรพสามิต เพื่อเข้าร่วมโครงการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรับการลดหย่อนภาษี และได้รับเงินอุดหนุน นี่เองที่ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า 100 % หรือรถ EV นั้นปรับตัวถูกลง ให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เราจึงรวบรมเอารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาไม่ถึง 1,000,000 บาท ให้คุณได้เลือกดูว่ามีรุ่นไหนน่าสนใจกันบ้าง (ขออนุญาตเรียงตามชื่อแบรนด์)
FOMM ONE : ราคา 499,000 บาท
เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก แบบ 2+2 ที่นั่ง ที่เหมาะกับการขับขี่ในเมือง ด้วยระยะทางไม่เกิน 160 กิโลเมตร/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง จึงเหมาะกับการใช้รถในระยะไม่ไกลมากนักไม่ว่าจะไปทำงาน หรือชีวิตส่วนตัว แต่จุดเด่นก็คือด้วยขนาดที่ค่อนข้างเล็กด้วยความยาวเพียง 2,585 มม., กว้าง 1,295 มม., สูง 1,560 มม. และน้ำหนักที่ไม่ถึง 500 กิโลกรัม ทำให้การไปจอดในพื้นที่ต่างๆ ทำได้ง่าย และที่พิเศษสุดเลยก็คือความสามารถพิเศษลอยตัวบนน้ำได้ ไม่ว่าจะน้ำรอระบาย หรือน้ำท่วมขัง จากการออกแบบล้อให้สามารถทำหน้าที่คล้ายใบพัดเรือ ภายในห้องโดยสารจะแปลกตากว่ารถยนต์ไฟฟ้าเจ้าอื่นๆ ตรงที่ คันเร่ง จะอยู่ตรงคอพวงมาลัยคล้ายๆ กับ Paddle Shift ส่วนการขับเคลื่อนจากตัวมอเตอร์ที่อยู่บริเวณล้อหน้าทั้งซ้าย-ขวา (in-wheel motor) ซึ่งเป็นแบบ Direct Drive เพื่อหมุนล้อโดยตรง ให้กำลัง 13.4 แรงม้า และแรงบิด 280 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุด 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้านแบตเตอรี่ของ FOMM ONE จะเป็น Li-ion ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทั้งยังรองรับระบบ Battery Cloud และสามารถตรวจสอบข้อมูลการทำงานของแบตเตอรี่ด้วยโทรศัพท์มือถือ
ข้อมูล FOMM ONE
มิติตัวถัง (ยาวxกว้างxสูง) : 2,585 x 1,295 x 1,560 มม.
น้ำหนักรถ : 445 กิโลกรัม (ไม่รวมแบตเตอรีและอุปกรณ์เสริม)
จำนวนที่นั่ง : 4 ที่นั่ง
มอเตอร์ : 5kW X 2 (ขับเคลื่อนล้อหน้า แบบ in-wheel motor)
กำลังสูงสุด : 13.4 แรงม้า และแรงบิด 280 นิวตันเมตร
MG : EP PLUS ราคา 771,000 บาท, ZS EV D ราคา 949,000 บาท
EP PLUS เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบสเตชั่นแวกอน จุสัมภาระได้มากถึง 1,456 ลิตร เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัว เพราะได้ติดตั้งชุดราวหลังคาที่สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม โดยสามารถวิ่งได้ระยะทาง 380 กิโลเมตร/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง โดยมีมิติและน้ำหนักอยู่ที่ ความยาว 4,544 มม., กว้าง 1,818 มม., สูง 1,543 มม. และน้ำหนัก 1,574 กิโลกรัม ด้านสมรรถนะ EP PLUS จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor กับแบตเตอรี่ Lithium-Ion โดยความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 50.3 กิโลวัตต์–ชั่วโมง ให้กำลังสูงสุดที่ 163 แรงม้า และแรงบิด 260 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา เพียง 8.8 วินาที และที่โดดเด่นเลยสำหรับ MG ก็คือ ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่ทำให้การเชื่อมต่อในรถมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้ง Smart Check เพื่อตรวจสอบสถานะของตัวรถ, Smart Command เพื่อควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ และ Smart Connect สะดวกสบายไม่ว่าจะนำเป็นระบบนำทาง หรือ เรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน
ข้อมูล MG EP PLUS
มิติตัวถัง (ยาวxกว้างxสูง) : 4,544 x 1,818 x 1,543 มม.
น้ำหนักรถ : 1,574 กิโลกรัม
จำนวนที่นั่ง : 5 ที่นั่ง
มอเตอร์ : Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด : 163 แรงม้า และแรงบิด 260 นิวตันเมตร
ZS EV D เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสไตล์เอสยูวี โดยปกติจะมี 2 รุ่นย่อย คือ D กับ X แต่เราจะขอเอ่ยถึงแต่รุ่น D เพราะรุ่น X จะมีราคาสูงกว่าที่เราตั้งเกณฑ์เอาไว้ สำหรับรุ่น D จะวิ่งได้ระยะทาง 403 กิโลเมตร/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง โดยมีมิติและน้ำหนักอยู่ที่ ความยาว 4,323 มม., กว้าง 1,809 มม., สูง 1,649 มม. และน้ำหนัก 1,570 กิโลกรัม โดยจะมากับคอนเซ็ปต์ TRULY EASY ที่มีดีไซน์เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความสปอร์ต แต่ผสานเข้ากับเส้นสายที่ทันสมัย ภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ด้านสมรรถนะ ZS EV D จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor กับแบตเตอรี่ Lithium-Ion โดยความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 50.3 กิโลวัตต์–ชั่วโมง ให้กำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า และแรงบิด 280 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา เพียง 8.6 วินาที และยังมากับระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART อีกด้วย แต่สิ่งที่คุณจะไม่ได้ถ้าซื้อ ZS EV D ก็คือ หลังคา Panoramic Sunroof, ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ, ราวหลังคา, เบาะนั่งคนับปรับไฟฟ้า, ที่พักแขนด้านหลัง, ระบบ Wireless Charger และระบบความปลอดภัย (ระบบเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA, ระบบเตือนมุมอับสายตา BSD, ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RTCA) เพราะสิ่งเหล่านี้จะอยู่ใน ZS EV X เท่านั้น
ข้อมูล MG ZS EV D
มิติตัวถัง (ยาวxกว้างxสูง) : 4,323 x 1,809 x 1,649 มม.
น้ำหนักรถ : 1,570 กิโลกรัม
จำนวนที่นั่ง : 5 ที่นั่ง
มอเตอร์ : Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด : 177 แรงม้า และแรงบิด 280 นิวตันเมตร
NETA V : ราคา 549,000 บาท
แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีน เข้ามาดำเนินการในไทยภายใต้ชื่อ บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งได้เปิดตัว NETA V ในสไตล์คอมแพคครอสโอเวอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก โลมา หรือ Dolphin Streamline โดยสามารถวิ่งได้ระยะทาง 384 กิโลเมตร/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง โดยมีมิติและน้ำหนักอยู่ที่ ความยาว 4,070 มม., กว้าง 1,609 มม., สูง 1,540 มม. และน้ำหนัก 1,151 กิโลกรัม ด้านสมรรถนะ NETA V จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor กับแบตเตอรี่ Lithium-Ion โดยความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 38.5 กิโลวัตต์–ชั่วโมง ให้กำลังสูงสุดที่ 95 แรงม้า และแรงบิด 150 นิวตันเมตร โดยสามารถวิงได้ระยะทาง 384 กิโลเมตร/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67 รองรับการชาร์จทั้งกระแสสลับ AC Normal Charge แบบ Type 2 จาก 0-100% ในระยะเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง (ผ่าน NETA WallBox) และการชาร์จกระแสตรง DC Quick Charge แบบ CCS ผ่านตู้ชาร์จสาธารณะจาก 30-80% ในระยะเวลาประมาณ 30 นาที (ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และกำลังไฟของสถานีชาร์จนั้นๆ) ให้อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาต่ำกว่า 3.9 วินาที โดยมีระบบ regenerative Systems ช่วยให้รถได้รับพลังงานกลับคืนในทุกครั้งเมื่อชะลอรถหรือเบรก
ข้อมูล NETA V
มิติตัวถัง (ยาวxกว้างxสูง) : 4,070 x 1,690 x 1,540 มม.
น้ำหนักรถ : 1,151 กิโลกรัม
จำนวนที่นั่ง : 5 ที่นั่ง
มอเตอร์ : Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด : 95 แรงม้า และแรงบิด 150 นิวตันเมตร
ORA GOOD CAT : ราคา 763,000-959,000 บาท
สำหรับแบรนด์ ORA (โอร่า) จากเกรท วอลล์ มอเตอร์ หรือ GWM นั้นจะมีรุ่นที่เข้าเกณฑ์ราคาไม่เกินหนึ่งล้านบาทอยู่ถึง 3 รุ่น ประกอบไปด้วย 400TECH ราคา 763,000 บาท, 400PRO ราคา 828,500 บาท และ 500ULTRA ราคา 959,000 บาท โดยทั้งหมดมากับมิติและน้ำหนักอยู่ที่ ความยาว 4,235 มม., กว้าง 1,825 มม., สูง 1,596 มม. ส่วนระยะทางที่สามารถวิ่งได้/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง ในรุ่น 400TECH และ400PRO จะอยู่ที่ 400 กิโลเมตร ส่วน 500ULTRA จะอยู่ที่ 500 กิโลเมตร ORA GOOD CAT ทั้ง 3 รุ่น จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor กับแบตเตอรี่ Lithium-Ion Phosphate ที่มีความจุอยู่ที่ 47.788 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ใน 400TECH และ 400PRO สำหรับ 500ULTRA
จะจับคู่มอเตอร์กับแบตเตอรี่ Lithium Ternary ที่มีความจุอยู่ที่ 63.139 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ทำให้ระยะเวลาการชาร์จ ผ่านการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30%-->80%) ของ 400TECH และ 400PRO จะอยู่ที่ ≈32 นาที ส่วน 500ULTRA จะอยู่ที่ ≈40 นาที สำหรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0%-->80%) ของ 400TECH และ 400PRO จะอยู่ที่ ≈46 นาที ส่วน 500ULTRA จะอยู่ที่ ≈60 นาที และการชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC ของ 400TECH และ 400PRO จะอยู่ที่ ≈8 ชั่วโมง ส่วน 500ULTRA จะอยู่ที่ ≈10 ชั่วโมง
นอกจากนี้ทั้ง 3 รุ่นยังมีความแตกต่างตรงที่ ล้อของ 400TECH จะเป็น 17 นิ้ว ส่วน 400PRO กับ 500ULTRA จะเป็น 18 นิ้ว ด้านอุปกรณ์ภายนอก 400PRO จะได้ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับไฟฟ้าและระบบพับเก็บไฟฟ้า ส่วน 500ULTRA จะได้ไฟ Welcome light, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับไฟฟ้าฟ้าที่มีระบบพับเก็บไฟฟ้าและบันทึกตำแหน่ง ส่วนภายใน 400TECH จะได้วัสดุตกแต่งหนังสังเคราะห์, 400PROและ 500ULTRA จะได้หนังกลับ ส่วนสีภายในร่นอื่นๆ จะเป็นสีดำ ยกเว้น 500ULTRA จะเป็น สีดำ/ สีเขียว-เทา/สีน้ำตาล-เบจ(ขึ้นอยู่กับสีภายนอก) ส่วนตัวเบาะ 400TECH จะเป็นผ้านอกนั้นเป็นหนังสังเคราะห์ และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของความแตกต่างของทั้ง 3 รุ่น
ข้อมูล ORA GOOD CAT
มิติตัวถัง (ยาวxกว้างxสูง) : 4,235 x 1,825 x 1,596 มม.
น้ำหนักรถ : - กิโลกรัม
จำนวนที่นั่ง : 5 ที่นั่ง
มอเตอร์ : Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด : 143 แรงม้า และแรงบิด 210 นิวตันเมตร
VOLT CITY EV : 325,000 – 415,000 บาท
เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กเหมาะที่จะเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก ที่มากับดีไซน์สุดน่ารัก โดย บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์แห่งแรกของไทย เป็นผู้นำเข้ามาจำหน่าย ซึ่งจะมี 2 แบบให้เลือก คือ FOR-TWO (3 ประตู 2 ที่นั่ง) และ FOR-FOUR (5 ประตู 4 ที่นั่ง) ส่วนราคาจะแบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย FOR-TWO CLASSIC ราคา 325,000 บาท, FOR-TWO TOP ราคา 355,000 บาท, FOR-FOUR CLSASIC ราคา 385,000 บาท และ FOR-FOUR TOP ราคา 415,000 บาท
สำหรับ FOR-TWO จะมีมิติและน้ำหนักอยู่ที่ ความยาว 2,920 มม., กว้าง 1,499 มม., สูง 1,610 มม. ส่วนระยะทางที่สามารถวิ่งได้/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง คือ 115 กิโลเมตร ใน SPORT MODE และ 165 กิโลเมตร ใน ECO MODE
ส่วน FOR-FOUR จะมีมิติและน้ำหนักอยู่ที่ ความยาว 3,380 มม., กว้าง 1,499 มม., สูง 1,610 มม. ส่วนระยะทางที่สามารถวิ่งได้/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง คือ 135 กิโลเมตร ใน SPORT MODE และ 200 กิโลเมตร ใน ECO MODE โดยทั้ง 2 แบบ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 105 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (ขับเคลื่อนล้อหลัง) ที่ให้กำลัง 40 แรงม้า และแรงบิด 90 นิวตันเมตร (FOR-TWO), 46 แรงม้า และแรงบิด 102 นิวตันเมตร (FOR-FOUR) ส่วนแบตเตอรี่ Lithium-Ion Phosphate ที่มีความจุอยู่ที่ 11.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (FOR-TWO), 16.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (FOR-FOUR)
ส่วนการชาร์จไฟจะเป็นแบบ Normal Charge เท่านั้น โดยจะใช้เวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 6 ชั่วโมง เมื่อชาร์จจะมีค่าใช้จ่ายเพียง 66 บาท (เฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองอยู่เพียงแค่กิโลเมตรละ 30 สตางค์) ด้านการออกแบบไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบมีขอบ, ไฟท้าย LED แบบ RUBY STYLE ในรุ่น TOP ส่วนรุ่น CLASSIC จะได้ไฟหน้าแบบ HALOGEN กับไฟท้ายแบบธรรมดา ส่วนภายในห้องโดยสาร ใช้โทนสีแบบทูโทน ตัวแผงคอนโซลจะเป็นพลาสติกขึ้นรูปดูเรียบหรูทันสมัย ตัดขอบช่องแอร์ด้วยวัสดุสีเงินด้าน พร้อมจอแสดงข้อมูล MULTI-FUNCTION แบบ DOUBLE SCREEN ขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมเสียงและโทรศัพท์บนพวงมาลัย และกล้องมองขณะถอยหลัง ส่วนเกียร์จะเป็นแบบปุ่มกด สำหรับเบาะจะเป็นเบาะหนังใช้โทนสีแบบทูโทนเช่นกันในรุ่น TOP ส่วนรุ่น CLASSIC จะมาพร้อมจอแสดงผลแบบมาตรฐาน ด้านพวงมาลัยก็จะเป็นแบบธรรมดา ส่วนเบาะจะเป็นผ้า กับห้องโดยสารโทนสีดำ
ข้อมูล VOLT CITY EV
มิติตัวถัง (ยาวxกว้างxสูง) : 2,920 x 1,499 x 1,610 มม. (FOR-TWO), 3,380 x 1,499 x 1,610 มม. (FOR-FOUR)
น้ำหนักรถ : 690 กิโลกรัม (FOR-TWO), 795 กิโลกรัม (FOR-FOUR)
จำนวนที่นั่ง : 2 ที่นั่ง (FOR-TWO), 4 ที่นั่ง (FOR-FOUR)
มอเตอร์ : มอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (ขับเคลื่อนล้อหลัง)
กำลังสูงสุด : 40 แรงม้า และแรงบิด 90 นิวตันเมตร (FOR-TWO), 46 แรงม้า และแรงบิด 102 นิวตันเมตร (FOR-FOUR)
นอกจากแบรนด์ที่กล่าวมาแล้ว ในวันที่ 10 ตุลาคม ที่กำลังจะมาถึงนี้ BYD โดย Rêver Automotive (เรเว่ ออโตโมทีฟ) ก็จะเปิดตัว ATTO 3 รถยนต์ไฟฟ้าแบบ 5 ที่นั่ง อย่างเป็นทางการ รอดูพร้อมกันครับว่าจะเปิดราคาออกมาที่เท่าไหร่ เพราะ BYD ก็ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงกับกรมสรรพสามิตแล้วเช่นกัน
ส่วนท่านใดที่สนใจ สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนออก รถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือรถ EV ได้ก่อน ที่
>> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<
ประเมินวงเงินฟรีใน 3 นาที!
(ไม่ต้องใช้เอกสาร)
พร้อมออกรถคันใหม่ด้วยวงเงิน
จาก กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท
หรือหากเคยประเมินแล้ว