ALL-NEW TOYOTA ALPHARD/VELLFIRE สัมผัสความสะดวกสบายของรถยนต์อเนกประสงค์ระดับ LUXURY ในราคา 4.129-4.449 ล้านบาท

ALL-NEW ALPHARD หรูหราเหนือระดับด้วย 2 ทางเลือก สำหรับ ALPHRAD 2.5 HEV จะมากับความหรูหราด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว, ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED พร้อมไปเลี้ยวแบบ Sequential, หลังคา Twin Moonroof และฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย

ส่วนรุ่น ALPHARD 2.5 HEV LUXURY เปิดประสบการณ์ High End Elegance ด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว, สัญลักษณ์ Executive Lounge, ไฟหน้า และไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential, หลังคา Twin Moonroof และฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย

ทางด้าน ALL-NEW VELLFIRE ด้วยการออกแบบภายนอกที่โดดเด่น ดุดัน แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราในทุกสัมผัสให้สมกับที่เป็น Sport Luxury ด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว, ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential, กันชนหน้าและหลัง, หลังคา Twin Moonroof และฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย

ด้านการออกแบบภายใน ALL-NEW ALPHARD ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากการนั่งเครื่องบินส่วนตัว โดยให้พื้นที่ส่วนตัวที่กว้างขวาง ภายใต้แนวคิด OMOTENASHI สร้างประสบการณ์แห่งความผ่อนคลาย และสะดวกสบายสูงสุด พร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ในรุ่น ALPHRAD 2.5 HEV จะมากับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า, ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet ส่วนคอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console

พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว, Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง, ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า, จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD), หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ที่มากับระบบนำทาง และระบบเชื่อมต่อ T-Connect และยังเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย ด้านระบบปรับอากาศเป็นระบบอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า, สีเบาะภายในสีเบจ Neutral Beige (สำหรับสีรถภายนอก Platinum White Pearl และ Black) และสีภายในสีดำ Black (สำหรับสีรถภายนอก Precious Metal)

ส่วนในรุ่น ALPHARD 2.5 HEV LUXURY เปิดประสบการณ์ High End Elegance ใหม่ กับการนั่งโดยสารระดับเฟิร์สคลาส ด้วยเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ แบบ Executive Lounge ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า, ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet เป็นโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ โดยห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Uzuramoku

ส่วนเบาะภายในสีดำ Black (สำหรับสีรถภายนอก Platinum White Pearl และ Black) และสีภายในสีน้ำตาล Sunset Brown (สำหรับสีรถภายนอก Precious Metal) และยังเพิ่มวัสดุบุนุ่มตกแต่งภายในห้องโดยสาร ส่วนระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้าและหลัง, คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว, Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง, ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า, จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD), หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบนำทางและระบบเชื่อมต่อ T-Connect และยังเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย

สำหรับรุ่น VELLFIRE 2.5 HEV เป็นรุ่นที่เปิดประสบการณ์ Sport Luxury ด้วยความหรูหราสะดวกสะบาย ด้วยเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า, ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet ส่วนคอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว, Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง, ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า, จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD), หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง และระบบเชื่อมต่อ T-Connect และการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน พร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า ส่วนสีเบาะภายในสีดำ

สำหรับเครื่องยนต์ ALL-NEW TOYOTA ALPHARD / VELLFIRE มากับเครื่องยนต์ไฮบริด โดยเครื่องยนต์เป็นรุ่น A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร (2,487 ซีซี) แบบ 4สูบ Dual VVT-i ที่ให้กำลัง 190 แรงม้า กับแรงบิด 238 นิวตันเมตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลัง 134 กิโลวัตต์ กับแรงบิด 270 นิวตันเมตร ทำให้ได้กำลังรวมสูงสุด 250 แรงม้า และประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.9 กม./ลิตร* (*อ้างอิงจาก eco sticker) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD เทคโนโลยี E-Four ใหม่

ด้านเทคโนโลยีของ ALL-NEW TOYOTA ALPHARD / VELLFIRE มากับโครงสร้างสถาปัตยกรรม TNGA เพื่อการทรงตัว เกาะถนนดีเยี่ยม, ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด และถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง โดยในรุ่น ALPHRAD 2.5 HEV และ ALPHARD 2.5 HEV LUXURY จะได้กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor) เพิ่มมา

ALL-NEW TOYOTA ALPHARD / VELLFIRE ได้ 3 สีพิเศษ ได้แก่ Platinum White Pearl ใหม่, Precious Metal ใหม่ และ สี Black สำหรับราคาจำหน่ายก็จะแบ่งเป็น

• ALPHRAD 2.5 HEV ราคา 4,129,000  บาท
• VELLFIRE 2.5 HEV ราคา  4,279,000 บาท
• ALPHARD 2.5 HEV LUXURY ราคา  4,499,000 บาท

พิเศษ! เพิ่มความสปอร์ตแบบ Exclusive ได้มากกว่า ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่ง MODELLISTA ประกอบด้วยอุปกรณ์ตกแต่งกระจังหน้า–สเกิร์ตหน้า-สเกิร์ตข้างซ้าย-ขวา, สเกิร์ตหลัง และสัญลักษณ์ Modellista ด้านท้ายรถ ราคา (รวมค่าติดตั้ง) 149,000 บาท

ส่วน VELLFIRE MODELLISTA ประกอบด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งสเกิร์ตหน้า-สเกิร์ตข้าง ซ้าย-ขวา, สเกิร์ตหลัง อุปกรณ์ตกแต่งท่อไอเสีย และสัญลักษณ์ Modellista ด้านท้ายรถ ราคา (รวมค่าติดตั้ง) 169,000 บาท (โดยชุดอุปกรณ์ตกแต่งมีจำหน่ายเฉพาะสี Platinum White Pearl และสี Black เท่านั้น)

และยังมั่นใจสูงสุดกับระบบไฮบริด และศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศได้มากกว่า ด้วยแพ็กเกจขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี (ช่วงปีที่ 6-10) พร้อมรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง, ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม.เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด พร้อมฟรีค่าแรงเช็กระยะจนถึง 100,000 กม.

ผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของ ALL-NEW TOYOTA ALPHARD / VELLFIRE สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<