และจะทำการเปิดตัวในประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ รวมถึงเอเชียใต้ ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ต่อไป สำหรับประเทศไทยคาดว่าจะนำเข้ามาทำตลาดในช่วงต้นปี 2024 เป็นต้นไป

All-New Xforce เป็นรถที่ถอดแบบมาจาก XFC Concept ที่เป็นต้นแบบให้เป็นรถคอมแพคเอสยูวีสำหรับผู้โดยสาร 5 คน ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเน้นการใช้ SUV ขนาดกะทัดรัดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Best-suit buddy for a excitered life” โดยได้รับการออกแบบให้ดูมีสไตล์แต่ทรงพลัง โดยจะมากับมิติตัวถัง ดังนี้ ยาว 4,390 มม., กว้าง 1,810 มม., สูง 1,660 มม., ฐานล้อ 2,650 มม. และ ระยะต่ำสุดถึงพื้น 222 มม.

ที่ออกแบบตามแนวคิด Silky & Solid ที่แสดงถึงความโปร่ง โล่ง ด้วยหลังคาแบบลอยตัว และเส้นสายที่ไหลจากด้านหน้าไปจนถึงด้านข้างและท้ายรถ และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สวมด้วยยางขนาด 225/50R15 ทำให้การยึดเกาะถนนดีขึ้น และเหมาะสำหรับการเดินทางบนถนนที่ขรุขระ

ส่วนการออกแบบด้านหน้าแบบ Dynamic Shield ทำให้ดูเป็นแบบ 3 มิติ ช่วยให้ดูสปอร์ตพร้อมไฟหน้า รูปตัว T พร้อมไฟ Daytime Running Lights และไฟท้ายแบบ LED ใช้ดีไซน์รูปตัว T เช่นเดียวกับด้านหน้า

ส่วนการออกแบบภายในของ All-New Xforce ก็มาพร้อมความหรูหรา และความรู้สึกล้ำสมัย ด้วยหน้าจอเครื่องเสียงสำหรับเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนขนาด 12.3 นิ้ว Smartphone-link Display Audio (SDA) และจอแสดงผลดิจิตอลสำหรับคนขับขนาด 8 นิ้ว ให้การใช้งานง่าย ที่ผู้ขับขี่จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและข้อมูลต่างๆ ของรถด้วยฟังก์ชันมัลติวิดเจ็ต

จะแบ่งหน้าจอออกเป็นสามส่วนเพื่อแสดงข้อมูล เช่น ระดับความสูง, มุมเอียง และทิศทาง เป็นครั้งแรกที่มีการใช้ผ้า Mélange ในการบุภายในตัวรถ ทำให้รถรุ่นนี้มีภายในที่กว้างขวางและสบายที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ทั้งเบาะนั่งยังออกแบบให้รองรับและความสบาย เช่นเดียวกับเบาะหลังที่ช่วยให้นั่งสบายแม้จะมีผู้โดยสาร 3 คนก็ตาม

และเป็นครั้งแรกที่ Xforce จะมาพร้อมกับ Dynamic Sound Yamaha Premium ที่พัฒนาร่วมกับ Yamaha Corporation ประกอบด้วยลำโพง 8 ตัว, ทวีตเตอร์คู่หน้า, วูฟเฟอร์ที่ประตูคู่หน้า และลำโพงคู่แบบสองทิศทางที่ประตูหลัง และเพื่อเพิ่มความสุขในการขับขี่จึงได้มีการพัฒนาฟังก์ชันคะแนนการขับขี่เป็นครั้งแรกของ Mitsubishi Motorsโดย Hiroshi Masuoka อดีตนักขับแชมป์ Dakar Rally 2 สมัย ด้านพื้นที่เก็บสัมภาระเพียงพอสำหรับสิ่งของขนาดใหญ่ เช่น กระเป๋าเดินทาง เพราะเบาะนั่งด้านหลังสามารถแยกส่วนได้ 40:20:40 เพื่อขยายความจุช่วยให้สามารถบรรทุกสิ่งของที่มีความยาวได้

ด้านขุมกำลังของ All-New Xforce นั้นจะมากับเครื่องยนต์ 4A91 ที่เป็นเครื่องยนต์ MIVEC 1.5 ลิตร (1,499 ซีซี) DOHC 16 วาล์ว ที่ให้กำลัง 105 แรงม้า กับแรงบิด 141 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ให้อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม และยังให้ความเงียบอีกด้วย โดยผ่านการทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าในประเทศญี่ปุ่นบนเส้นทางที่สะท้อนสภาพถนนของภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังมีโหมดขับเคลื่อน 4 โหมด รวมถึงโหมด Wet ใหม่ ครั้งแรกใน Mitsubishi ประกอบด้วย Normal, Wet, Gravel และ Mud ช่วยให้สามารถรับมือกับสภาพถนนได้หลากหลายโดยผสานรวม ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และ สมดุลขณะเข้าโค้ง หรือ Active Yaw Control (AYC) ไว้อีกด้วย

ส่วนเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ คาดว่าจะมากับ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบเตือนการชนด้านหน้า พร้อมช่วยชะลอความเร็ว, ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด, ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา ฯลฯ และราคาจำหน่ายคงต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ All-New Xforce ในไทยอีกครั้งในช่วงต้นปี 2024

แต่ในขณะนี้สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของของ Mitsubishi รุ่นต่างๆ สามารถเช็กวงเงินเพื่อวางแผนได้ก่อน ที่ >> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<