Royal Enfield Hunter 350 & Classic 650 Teal 2025 มาแรงสุดในตอนนี้

ใครที่เป็นสายคลาสสิก วินเทจ หรือหลงรักแนว “Retro Modern” ต้องรู้จัก Royal Enfield แบรนด์อินเดียที่โด่งดังเรื่องดีไซน์อมตะและความทนทานอยู่แล้ว แต่รอบนี้บอกเลยว่าปังกว่าเดิม เพราะทั้ง Royal Enfield Hunter 350 และ Royal Enfield Classic 650 Teal กำลังเป็นกระแสแรงในไทย ด้วยดีไซน์เฉพาะตัว ราคาจับต้องได้ และฟีลลิ่งการขี่ที่โคตรเท่เพิ่มความหรูหราและพลังแรงบิดที่ทรงพลัง ไปดูกันว่าทั้ง 2 รุ่นมีสไตล์ที่โดดเด่นยังไงบ้าง?

เครื่องยนต์และสมรรถนะ

Royal Enfield Hunter 350 มากับเครื่อง J-Series 349 ซีซี สูบเดี่ยว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ขุมพลัง 20.2 แรงม้า แรงบิด 27 นิวตันเมตร เกียร์ 5 สปีด ประหยัด 36 กม./ลิตร ขี่นุ่มรอบต่ำ เร่งแซงดีในเมือง ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม.

Royal Enfield Classic 650 Teal ขุมพลัง 648 ซีซี ขนาด 47 แรงม้า แรงบิด 52.3 นิวตันเมตร เกียร์ 6 สปีด เสียงทุ้มนุ่มนวล ขี่ทางไกลสบาย ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. ระบบกันสะเทือนหลัง Twin Springs ใหม่ นุ่มกว่าเดิม ทั้งสองรุ่นเบรกดิสก์คู่ ABS ทำให้ปลอดภัยทุกสภาพถนน

ดีไซน์การตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร

Royal Enfield Hunter 350 ดีไซน์มินิมอล Retro Modern ตัวท่อกลม หัวโคมกลม LED กระจกหลังสไตล์วินเทจ น้ำหนักเบา 181 กก. ขี่สนุกในเมือง ให้ความสะดวกคล่องแคล่ว

Royal Enfield Classic 650 Teal สี Teal ใหม่ สีฟ้าเขียวมรกต เงาวับหรูหรา กรอบเครื่องโครเมียม ไฟหน้า LED คลาสสิก ท่อไอเสียคู่ เบาะยาวนั่งสบาย ท่านั่งตรงหลังตรง เหมาะทัวร์ริ่งไกล ทั้งคู่มีแร็คหลังและจุดติดกระเป๋า เหมาะที่จะขับลุยหรือเที่ยวไกลได้

ฟีเจอร์และเทคโนโลยีสุดล้ำ

Royal Enfield Hunter 350
หน้าจอ Digi-analogue LCD พร้อม Tripper Pod สำหรับนำทาง Bluetooth เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ใช้งาน Navigation ได้ทุกที่ มี USB Type-C ชาร์จโทรศัพท์ ไฟหน้า LED สว่างชัดเจนตอนกลางคืน มีระบบไฟเตือนกุญแจไขควงหรือ Service Reminder ไฟเตือนแบตเตอรี่ต่ำ/น้ำมันเครื่องต่ำ สวิตช์ดับเครื่องยนต์ฉุกเฉิน เซ็นเซอร์ขาตั้งข้าง ที่วางเท้าผู้โดยสารและไฟเตือนฉุกเฉินเพิ่มความสะดวกและปลอดภัย ฯลฯ

Royal Enfield Classic 650 Teal

• หน้าจอ Analog-Digital แสดงเกียร์ปัจจุบันที่กำลังใช้งาน
• Fuel Gauge ดิจิทัลที่แสดงระดับน้ำมันแสดงเป็นเปอร์เซ็น ใช้มาตรวัดรอบเครื่องแบบอนาล็อก
• Odometer ที่เป็นตัวบอกระยะทางรวมและ Trip Meter แยก A/B สำหรับบันทึกทริปยาว ๆ
• ช่องชาร์จ USB-A/Type-C ที่แฮนด์ ชาร์จโทรศัพท์ระหว่างขี่ได้สะดวก มีไฟเตือนแบตอ่อนหรือน้ำมันเครื่องต่ำ
• ระบบควบคุมการยึดเกาะ ลดล้อหมุนฟรีบนถนนเปียกหรือทางหลวม สามารถเปิด/ปิดได้ในบางรุ่น เพื่อช่วยควบคุมการยึดเกาะ
• Slipper Clutch เกียร์ 6 สปีด ลื่นไหลไม่สะดุด
• LED Headlamp/Tail Lamp สว่างทั่วคัน ปลอดภัยด้วย ABS คู่
• ตั้งรัศมีเสมือนรอบบ้านหรือที่จอด ถ้ารถออกนอกเขต แจ้งเตือนมือถือทันที
• เชื่อมต่อ Bluetooth กับแอป Royal Enfield แจ้งสายเข้า/SMS บนหน้าจอ
• GPS & Navigation นำทางแบบ Turn-by-Turn ผ่าน Tripper Navigation บนหน้าจอหรือแอป

ข้อดีและข้อสังเกต Royal Enfield Hunter 350 & Classic 650 Teal 2025

ข้อดี Royal Enfield Hunter 350

1. มีแรงบิดที่ดีในรอบต่ำ ทำให้การขับขี่ในเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถใช้เกียร์ 5 ที่ความเร็ว 40 กม./ชม. ได้สบาย ๆ
2. ประหยัดน้ำมัน 36.2 กม./ลิตร เครื่อง J-Series 349 ซีซี ชิ้นส่วนหาง่าย
3. ฟีเจอร์ครบ ใช้งานง่าย
4. ราคาเข้าถึงได้ เหมาะมือใหม่และขับขี่ในชีวิตประจำวัน

ข้อสังเกต Royal Enfield Hunter 350

1. พลังแรงม้าจำกัด 20.2 แรงม้า ไม่เหมาะทางไกล ระยะยาวหรือโหลดของหนัก
2. เบาะสูง 790 มม. คนเตี้ยอาจลำบากเล็กน้อย เสียงเครื่องดังรอบสูง
3. ABS ช่องเดียวคือด้านหน้า แต่ด้านหลังไม่มี กันลื่นหลังน้อยกว่า

ข้อดี Royal Enfield Classic 650 Teal

1. พลังแรง ด้วยเครื่องขนาด 648 ซีซี พลัง 47 แรงม้า แรงบิด 52.3 นิวตันเมตร สามารถขับขี่ทางไกลสบาย
2. ตัวเครื่องสี Teal หรูหราโดดเด่น เบาะยาวนั่งสบาย Twin Springs หลังนุ่ม สามารถทัวร์ริ่งได้ยาว
3. รุ่นนี้ใช้ฟีเจอร์พรีเมียม เช่น Slipper Clutch, Traction Control, ABS คู่, Gear Indicator ชัดเจน

ข้อสังเกต Royal Enfield Classic 650 Teal

1. น้ำหนักค่อนข้างหนัก 198 กก. ขี่ช้าในเมืองอืด สั่นรอบต่ำบ้าง
2. ราคาสูง 219,900 บาท ค่าน้ำมันและค่าบำรุงรักษาแพงกว่า 350cc ประหยัดน้อยกว่า 25 กม./ลิตร
3. เบาะสูง 805 มม. ชันกว่า Hunter แอร์ไหลไม่ดีร้อนง่าย

เปรียบเทียบ Royal Enfield Hunter 350 & Classic 650 Teal 2025